วิธีแก้เผ็ดพริก

วิธีแก้เผ็ดพริก

พริกคือความเผ็ดที่ใคร ๆ รู้จักดีและขาดไม่ได้ ต่างแต่ว่าเผ็ดมากเผ็น้อยเท่านั้น ทีนี้มาว่ากันถึงคนที่เผลอกินพริกเข้าไปโดยไม่เจตนาแล้วเผ็ดจนนึกว่าญาติเสีย อาการเผ็ดพริกมีวิธีแก้เยอะเลยแต่ไม่ใช่กินน้ำเย็นนะครับ เพราะจะยิ่งทำให้เผ็ดมากขึ้นและท้องแน่นเพราะกินน้ำมากไปจนเต็มพุง วิธีแรก อมเกลือ เอาเกลือสักหยิบมือหนึ่งมาอมไว้ 2-5 นาที หรือกินเกลือไปเรื่อย ๆ กินจนหายเผ็ด วิธีที่ 2 จิบน้ำอุ่น ต้องเป็นน้ำอุ่นอย่างร้อนด้วย จิบช้า ๆ สารเผ็ดในพริกจะละลายไปกับน้ำจนจางลง

Continue reading
วิตามินในอาหาร

วิตามินในอาหาร หากินเองได้ ไม่ต้องง้ออาหารเสริม

แหล่งของวิตามินในอาหาร  วิตามิน แหล่งอาหาร วิตามินเอ ได้มาจากอาหารทั้งจากสัตว์และพืช จากสัตว์มีอยู่ในนม ไข่ เนื้อสัตว์ จากพืช วิตามินเอ จะอยู่ในรูปสารสีส้ม เหลือง เขียวเข้ม จึงมีอยู่ ในมะละกอ แครอท ฟักทอง และผักใบเขียวจัด วิตามินดี มีอยู่ในตับ ปลา ไข่ ผิวหนังของคนเราจะช่วยสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกาย การที่ผิวหนังได้สัมผัสแสงแดดพอสมควรจึงนับว่ามีความสำคัญ วิตามินอี แหล่งของวิตามินอี มีอยู่มากในน้ำมันพืช ธัญพืช (ข้าว ข้าวโพด ลูกเดือย ข้าวฟ่าง ฯลฯ) ไข่แดง และตับ …

Continue reading
โรคเอดส์

โรคเอดส์ การติดต่อและป้องกัน

โรคเอดส์ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอดส์ (หรือ เอ็ช.ไอ.วี) ซึ่งจะทำให้ระบบภูมิต้านทานโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดเลือดขาว บกพร่องไป ทำให้เกิดการติดเชื้อและป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ง่าย อาการป่วยที่พบเห็นจึงเป็นอาการของโรคที่ผู้ป่วยได้รับเชื้อมาในขณะนั้นๆ มิใช่อาการที่เกิดจากเชื้อเอ็ช.ไอ.วี โดยตรง การดำเนินโรค เมื่อได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้นั้นอาจมีอาการอ่อนเพลียคล้ายเป็นไข้หวัดแล้วอาการจะหายไปเอง แต่สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้2-3 เดือนต่อมา หากตรวจเลือดสำหรับเอ็ช.ไอ.วี จะพบปฏิกิริยาเป็นบวก ผู้ได้รับเชื้ออาจจะเป็นปกติอยู่ได้หลายๆ ปีโดยไม่ต่างจากคนทั่วไป จนกว่าเม็ดเลือดขาวชนิด CD 4 จะลดต่ำลงมากจนไม่สามารถต้านทานเชื้อจุลชีพต่างๆ ได้ ผู้นั้นจะเริ่มป่วยด้วยโรคต่างๆ (แล้วแต่ว่าติดเชื้ออะไรเข้าสู่ร่างกาย) เป็นๆ หายๆ หรือ เป็นเรื้อรัง …

Continue reading
โรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้ คืออะไร มาทำความรู้จักกันค่ะ

โรคภูมิแพ้ เกิดจาก ระบบภูมิต้านทาน หากทำงานมากเกินพอดี ก็ทำให้เกิดความเจ็บป่วยได้เหมือนกันระบบภูมิต้านทานของบางคนต่อต้านสิ่งต่างๆ มากมายและอย่างรุนแรง เช่น ละอองเกสร ฝุ่น ขนสัตว์ น้ำหอม โลหะบางชนิด ฯลฯ เมื่อสัมผัสสิ่งเหล่านี้จึงมีปฏิกิริยาเกิดขึ้นในร่างกาย อาจจะจาม น้ำมูกไหล หอบหืด หรือเป็นลมพิษ ผื่นคัน บางคนที่เป็นมากอาจจะมีไข้ ปวดศีรษะ ร่วมด้วย บางคนแพ้อาหาร (โดยเฉพาะอาหารทะเล พบอาการแพ้ได้บ่อย) แพ้ยา อาจท้องเดิน เป็นลมพิษ แน่นอก ช็อค และเสียชีวิตได้ถ้าแพ้มาก ร่างกายจะมีอาการภูมิแพ้เกิดขึ้นได้แสดงว่าต้องเคยได้รับสารนั้นเข้าร่างกายมาก่อน อาจจะทางหายใจ รับประทาน หรือสัมผัสทางผิวหนัง …

Continue reading
ภูมิต้านทานโรค

ภูมิต้านทานโรค หมายถึงอะไร มาทำความรู้จักกันค่ะ

ภูมิต้านทานโรค เป็นระบบการทำงานที่สำคัญอย่างยิ่งในร่างกายของเรา ในขณะที่เราหายใจ รับประทานหรือดื่ม แปรงฟัน หรือแม้กระทั่งมีเพศสัมพันธ์ จุลชีพชนิดต่างๆ ทั้งที่ไม่เป็นภัยและที่สามารถทำให้เกิดโรคก็เข้าสู่ร่างกายได้ตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะไม่ป่วย เพราะมีระบบภูมิต้านทานโรคหรือระบบภูมิคุ้มกันคอยต่อสู้อยู่  ระบบภูมิต้านทานโรค ประกอบด้วย 2 ส่วนใหญ่ คือ ส่วนที่อาศัยเซลโดยตรง ได้แก่ เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ ซึ่งจะกินหรือทำลายจุลชีพโดยตรง ส่วนใหญ่เม็ดเลือดขาวจะอยู่ในกระแสเลือด แต่ก็อาจลีบตัวเล็ดลอดผ่านรูเล็กๆ ของผนังหลอดเลือดออกไปสู่จุดต่างๆ ที่มีจุลชีพหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาได้ ส่วนที่อาศัยเซลโดยอ้อม เม็ดเลือดขาวบางชนิดจะจับเชื้อจุลชีพหรือสิ่งแปลกปลอมไปแจ้งให้เซลบางชนิดสร้างสารต่อต้านหรือ “แอนติบอดี”ที่จำเพาะต่อสิ่งนั้นขึ้นมา แอนติบอดี จะช่วยกำจัดจุลชีพและสิ่งแปลกปลอมด้วยอีกแรงหนึ่ง เมื่อใดที่เราเจ็บป่วย ก็สรุปได้ง่ายๆ ว่าขณะนั้นระบบภูมิต้านทานอ่อนแอลงและ/หรือ ได้รับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามามากเกินไป ปัจจัยที่ทำให้ระบบภูมิต้านทานอ่อนแอ หรือบกพร่องได้แก่ กรรมพันธุ์ …

Continue reading
การประคบร้อน เย็น

การประคบร้อน เย็น รู้ได้อย่างไรว่าควรใช้เมื่อไร

การประคบด้วยความร้อน – ความเย็น เมื่อได้รับการบาดเจ็บ จะพิจารณาจากอะไร มาดูกันค่ะ ภายใน 24-48 ชั่วโมงแรกของการบาดเจ็บเมื่ออวัยวะของร่างกายได้รับการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ถูกกระทบกระแทก หรือข้อพลิก มักมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อเส้นเอ็นใยกล้ามเนื้อ และเส้นเลือดฝอยในบริเวณนั้นไม่มากก็น้อย ทำให้มีการอักเสบ บวม ปวด และเลือดออกอยู่ภายใน อาการเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนสูงสุดเมื่อประมาณ 24-48 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุ ขึ้นอยู่กับว่าได้รับความรุนแรงน้อยหรือมากในระยะแรกนี้จึงควรประคบด้วยน้ำเย็น (ประมาณ 10 –15 องศาเซลเซียส) เพื่อบรรเทาอาการปวด บวม และทำให้เส้นเลือดหดตัวเพื่อให้เลือดหยุดอาจใช้น้ำแข็งใส่ถุงพลาสติคแล้วเอาผ้าห่ออีกชั้นหนึ่งประคบ เพื่อไม่ให้น้ำแข็งที่ละลายไหลเลอะเทอะ หลัง 24-48 ชั่วโมงไปแล้ว ใช้น้ำร้อน(ประมาณ …

Continue reading
การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เอ็น

ความสูงกับน้ำหนักตัว ตารางเกณฑ์ น้ำหนัก ส่วนสูง

คุณเป็นเพศหญิง หรือ เพศชาย อยากทราบว่าเราเป็นคน ตัวเล็ก หรือตัวใหญ่ หรือสมส่วนดีแล้ว ให้เทียบจากตาราง ความสูงกับน้ำหนักตัว เป็นค่ามาตรฐานที่นำมาวัดค่าได้ของคนไทยในช่วงอายุต่างๆ ของจริงไม่ต้องมโนนะจ๊ะ ตารางที่ 1 ความสูงกับน้ำหนักตัว สำหรับผู้ชาย ความสูง โครงกระดูก โครงกระดูก โครงกระดูก เป็น ซ.ม. เล็ก ปานกลาง ใหญ่ 155 48 ก.ก. 53 ก.ก. 58 ก.ก. 157 49 54 60 …

Continue reading
วิตามินเกินขนาด

อาการข้างเคียงและพิษของการได้รับวิตามินเกินขนาด

วิตามิน ระดับวิตามินที่ทำให้เกิดพิษ อาการพิษ จากการได้รับ วิตามินเกินขนาด เอ พิษเฉียบพลัน 2-5 ล้าน IU พิษเรื้อรังมากกว่า 50,000-100,000 IU ต่อวัน ปวดศีรษะอย่างแรง ผิวหนังลอก เห็นภาพซ้อน เบื่ออาหาร อาเจียน หงุดหงิด ปวดศีรษะ ผมร่วง ผิวหนังแห้งลอก เด็กทารก มี Intracranial pressure เพิ่ม, การเจริญเติบโตหยุดชะงัก, ทำให้เกิดความพิการของเด็กในครรภ์ได้เมื่อมารดาได้รับวิตามินเอ 25,000-40,000 IU ในไตรมาสแรก บี 1 …

Continue reading
การใช้ยาหยอดหู

การใช้ยาหยอดหู

หูเป็นอวัยวะที่สำคัญ และอาจจะเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาได้ การใช้ยาหยอดหู จึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นที่เราจะต้องทำความเข้าใจและปฎิบัติตนให้ถูกต้องค่ะ วิธีหยอดหู ล้างมือให้สะอาด ถ้ามีน้ำเหลืองหรือหนอง ควรเช็ดออกด้วยสำลีพันปลายไม้ทุกครั้งก่อนหยอดยา นอนหรือนั่งตะแคงหูข้างที่เป็นขึ้น หยดยาลงไปตามจำนวนที่ระบุ ระวังอย่าให้ปลายหลอดยาแตะถูกหู อยู่ในท่านั้นประมาณ 15 นาที แลึงจึงเอนศีรษะเทน้ำยาที่เหลือในหูทิ้ง เมื่อเปิดใช้แล้วไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 1 เดือน  

Continue reading
การใช้ยาหยอดตา ยาป้ายตาที่ถูกต้อง

การใช้ยาหยอดตา ยาป้ายตาที่ถูกต้อง

วิธีหยอดตา – ป้ายตา ล้างมือให้สะอาด ถ้ามีขี้ตา ใช้สำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดออกก่อนทุกครั้ง นอนหรือนั่งแหงนหน้าขึ้น ดึงหนังตาล่างลงให้เป็นกระพุ้ง 3.1 หยดยาลงไปในกระพุ้งตามจำนวนที่ระบุไว้ในฉลาก ปล่อยหนังตาคืนสภาพ ลืมตาหรือ กระพริบตาสักครู่ อย่าหลับตาแน่นเพราะยาจะไหลออก หรือ 3.2 บีบยาขี้ผึ้งป้ายตายาวประมาณครึ่งเซ็นติเมตร ลงไปในกระพุ้ง หลับตาแล้วคลึงหนังตาเบาๆ ให้ยากระจายทั่วตา ระวังอย่าให้ปลายหลอดยาแตะถูกตาหรือขนตา เมื่อเปิดใช้แล้วไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 1 เดือน หมายเหตุ เมื่อต้องหยอดตามากกว่า 1 ชนิด ในคราวเดียวกัน ควรเว้นเวลาหยอดห่างกันประมาณ 15 นาที- เมื่อต้องหยอดตาและป้ายตาในเวลาเดียวกัน ให้หยอดยาก่อนสักครู่แล้วจึงป้ายตา

Continue reading
การรับประทานยาที่ถูกวิธี

การรับประทานยาที่ถูกวิธี การรับประทานยาตามเวลาที่เหมาะสม

ยานั้นมีหลายประเภท และการทำงานของยาแต่ล่ะอย่างนั้นจะมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดเมื่อมี การรับประทานยาที่ถูกวิธี กล่าวโดยทั่วไป การรับประทานยาขณะที่ท้อง (กระเพาะลำไส้) ว่างจะทำให้ยานั้นถูกดูดซึมได้มากที่สุด แต่ยาบางชนิดอาจถูกกำหนดให้รับประทานในเวลาแตกต่างออกไป ด้วยเหตุผลที่จำเป็นอื่นๆ เช่น ยาในกลุ่มเตตร้าซัยคลิน มักรับประทานพร้อม หรือ หลังอาหารทันทีเพื่อลดอาการคลื่นไส้ ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงที่พบบ่อย ถ้าคนใดไม่ประสพอาการข้างเคียงนี้จะรับประทานตอนท้องว่างก็จะดูดซึมได้ มากกว่าหรือยากริสสิโอฟูลวิน (ฆ่าเชื้อราประเภทกลาก) ควรจะรับประทานพร้อมกับอาหารไขมัน จะทำให้ดูดซึมได้ดีขึ้น เป็นต้น การรับประทานยาตามเวลาที่เหมาะสม ยาก่อนอาหารให้รับประทานก่อนอาหาร (รวมทั้งนม ขนม ฯลฯ) 30-60 นาที ยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันทีมักเป็นยาที่ระคายเคืองกระเพาะอาหารมาก เช่น ยาแก้ปวด – ต้านอาการอักเสบกลุ่มแอสไพริน (ถ้าไม่ได้รับประทานอาหาร ควรดื่มน้ำตามยามากๆ)ให้รับประทานอาหารครึ่งหนึ่งแล้วรับประทานยา …

Continue reading
หลักการใช้ยาเบื้องต้น

หลักการใช้ยาเบื้องต้น การใช้ยาให้ถูกวิธี

หลักการใช้ยาเบื้องต้น หลักการใช้ยาเบื้องต้น ที่พวกเราควรรู้ เพื่อที่จะได้ใช้ยาให้ถูกวิธีมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ใช้ยาได้อย่างถูกต้อง ไม่อันตราย และมีประสิทธิภาพสูงสุด มีข้อควรพึงปฎิบัติดังนี้นะคะ ใช้ยาถูกโรค  นอกจากโรคง่ายๆ เช่น ไข้หวัดแล้วควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพราะอาการคล้ายกัน อาจเป็นโรคต่างกันได้ เช่น ปวดท้องอาจมีสาเหตุจากระบบย่อยผิดปกติ อาหารเป็นพิษ ลำไส้ตีบ กระเพาะอาหารทะลุ หรือเป็นนิ่วในท่อไต เป็นต้น ใช้ยาถูกคน ไม่ควรเอายามาแบ่งกันใช้ เพราะจะทำให้ยาไม่พอใช้จนครบระยะเวลารักษา นอกจากนี้แม้จะป่วยด้วยโรคเดียวกัน แต่บางคนอาจมีโรคประจำตัวที่ห้ามใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดอาการแน่นจมูกไม่ควรใช้ในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ หรือความดันเลือดสูง เป็นต้น ใช้ยาถูกขนาดเด็กทารก เด็กโต ผู้ใหญ่ คนอ้วนมากหรือผอมมาก ใช้ยาขนาดต่างกัน …

Continue reading
ซื้อยามากินเอง

ชื่อของยา การเรียกชื่อยา

การเรียกชื่อยาต่างๆ ที่มีขายในร้านขายยาแผนปัจจุบันหรือใช้ในสถานพยาบาล มีอยู่ 3 ลักษณะ คือ ชื่อทางเคมี แสดงถึงสูตรโครงสร้างโมเลกุลของยา ชื่อสามัญ เป็นชื่อง่ายๆ รู้จักแพร่หลายกว่าชื่อทางเคมี ชื่อทางการค้า บริษัทผู้ผลิตยาเพื่อการค้าจะตั้งชื่อจำเพาะของผลิตภัณฑ์ของตน ห้ามซ้ำกัน ต้องจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ชื่อที่ชาวบ้านได้ยินจากการโฆษณาทางสื่อต่างๆ คือชื่อการค้านี้เอง ยกตัวอย่าง ยาลดไข้ แก้ปวด ที่ใช้กันแพร่หลาย คือ พาราเซตามอล มีชื่อดังนี้ ชื่อทางเคมี N – acetyl – p- aminophenol ชื่อสามัญ พาราเซตามอล ชื่อทางการค้า พาราเซต …

Continue reading
ยารักษาโรค

ยารักษาโรค ความรู้ทั่วไปที่เราควรรู้

ถ้าไม่มียาเลยแพทย์ก็แทบจะรักษาโรคอะไรไม่ได้ ยาจึงมีความสำคัญมากรองลงมาจากการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง แต่ยาทุกชนิดก็มีทั้งคุณประโยชน์และโทษอยู่ในตัวเอง โทษเล็กๆ น้อยๆ ก็คืออาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ในการรักษา เช่น ยาลดน้ำมูกมักทำให้มึนงงหรือง่วงนอน โทษรุนแรงก็อาจทำให้เป็นพิษถึงพิการหรือตายได้ เช่น ยาปฏิชีวนะสเตร็พโตมัยซินอาจทำให้หูตึงหรือหนวก ยาพาราเซตามอลทำให้ตับวาย นอกจากนี้ยังมีภาวะแพ้ยาซึ่งเกิดขึ้นในบางคนทำให้ป่วยหรือถึงแก่ชีวิตได้ เราจึงควรมีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับยาไว้บ้างเพื่อที่จะใช้ยาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย มีประสิทธิภาพเมื่อมีความจำเป็น ความรู้ทั่วไปเรื่องยา ที่กล่าวถึงในลำดับต่อไปคงหมายถึงยาแผนปัจจุบันซึ่งมีที่มาหรือได้รับ อิทธิพลจากการแพทย์ซีกโลกตะวันตกเป็นสำคัญ และในปัจจุบันเป็นที่น่ายินดีว่าวงการแพทย์และเภสัชกรรมในประเทศไทย กำลังให้ความสนใจค้นคว้าวิจัยและทดลองเกี่ยวกับยาแผนโบราณ และสมุนไพรไทยมากขึ้น เช่น สกัดสารจากว่านหางจรเข้มาทำเป็นเจลทาแผลไฟไหม้ – น้ำร้อนลวก สกัดสารจากต้นผักบุ้งทะเลทำเป็นยาทาแก้พิษแมงกะพรุน ทำให้ได้ยาที่มีประสิทธิภาพ สามารถหาเก็บไว้และใช้สะดวกขึ้น สำหรับยาแผนโบราณและพืชสมุนไพรนั้นคงจะกล่าวสั้นๆ ในที่นี้ว่า ยาก็คือยา ย่อมมีทั้งคุณและโทษ และแม้พืชสมุนไพรบางอย่างจะใช้เป็นส่วนประกอบเล็กน้อยอยู่ในอาหารประจำวัน แต่เมื่อนำมาใช้เป็นยารักษาโรค …

Continue reading
เส้นเลือดขอด แก้ยังไง

แก้อาการเส้นเลือดขอดที่ขา

สมัยนี้ผู้หญิงมักทำงานนอกบ้านกันอย่างไม่กลัวเหนื่อย งานส่วนมากก็มักต้องเดินหรือยืนกันทั้งวัน ได้นั่งเพียงเล็กน้อย ส่วนงานซึ่งทำโดยการนอนหงายเราจะไม่พูดถึงกัน การเดินหรือยืนมาก ๆ ทำให้มีอาการเส้นเลือดขอดบนเรียวขา เป็นรอยเส้นสีดำขยุกขยิก ซึ่งดูแล้วไม่สวยเลย วิธีแก้ก็ต้องอาศัยกำลังใจและความอดทนเท่านั้น จึงไม่ต้องเสียเงินเข้าโรงพยาบาล ก็คือนอนยกขาสูง ๆ ทุกวันไง ทำทุก ๆ วัน วันละ 1-2 ชั่วโมง ก่อนนอนนั่นแหละดี แล้วรอยขอดนั้นก็จะค่อย ๆ หายไป เรียวขาก็จะได้กลับมาสวยดังเดิม

Continue reading