โขน รามเกียรติ์

เรื่องที่ใช้แสดงโขน

เรื่องที่ใช้สำหรับเล่นโขนตามที่รู้จักกันแพร่หลายมาจนปัจจุบันนี้คือ “รามเกียรติ์” ซึ่งมีหลายสำนวนด้วยกัน ทั้งไทย ชวา เขมร และอินเดียซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของเรื่อง เรื่องรามเกียรติ์หรือรามายณะนี้แต่งโดยพระฤาษีวาลมิกิ เมื่อหลายพันปีก่อน ชาวอินเดียจะมีความเคารพนับถือมาแต่สมัยโบราณกันว่าผู้ใดได้อ่านหรือฟังเรื่อง “รามเกียรติ์” ก็สามารถล้างบาปได้ เรื่องรามเกียรติ์หรือรามายณะเป็นเรื่องราวของพระนารายณ์ที่อวตารปางหนึ่งเป็น “พระราม” เพื่อคอยปราบอสูรที่คอยเบียดเบียนเหล่าเทวดา และมนุษย์ให้ได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ สงครามระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ซึ่งเป็นพญายักษ์ครองกรุงลงกา เกิดจากทศกัณฐ์ไปลักพานางสีดามเหสีของพระรามมาเพื่อเป็นชายาของตนเอง พระรามและพระอนุชาคือพระลักษณ์จึงได้ออกติดตาม จนกระทั่งได้สองพญาวานรคือพญาสุครีพเจ้าเมืองขีดขิน และท้าวมหาชมพูเจ้าเมืองชมพูมาเป็นบริวาร โดยมีหนุมานเป็นทหารเอก กองทัพของพระรามจึงจองถนนข้ามทะเลไปสร้างพลับพลา และตั้งค่ายประชิดกรุงลงกาเพื่อทำศึกกับทศกัณฐ์ จนกระทั่งฝ่ายพระรามได้รับชัยชนะ การแสดงเบิกโรง “นารายณ์ปราบนนทุก” นี้เป็นการแสดงเบิกโรงชุดหนึ่งก่อนการแสดงโขน ซึ่งเป็นตอนหนึ่งในเรื่อง “นารายณ์สิบปาง” กล่าวถึงนนทุกมีหน้าที่ล้างเท้าให้เทวดา นางฟ้า ที่กำลังจะเดินทางไปเฝ้าพระอิศวรผู้ประทับอยู่บนยอดเขาไกรลาศ เหล่าเทวดานางฟ้าเหล่านั้นชอบหยอกล้อนนทุกโดยการเขกศีรษะจนนนทุกหัวล้าน นนทุกจึงไปเฝ้าพระอิศวรเพื่อขอพรให้ตนเองมีนิ้วเพชร …

Continue reading
โขน

ความลึกลับของกิริยาท่าทางในการรำโขน: สื่อความหมายและงดงามในศิลปะการแสดง

กิริยาท่าทางของโขนที่แสดงเพื่อสื่อความหมายกับผู้ชมนั้นแบ่งเป็น ๓ ประเภท คือ ท่าที่ใช้แทนคำพูด เช่น เรียก สั่ง ท่าที่ใช้แสดงกิริยาอาการ เช่น ยืน นอน นั่ง เดิน เหาะ ท่าที่ใช้แสดงถึงอารมณ์ภายใน เช่น รัก โกรธ เกลียด ดีใจ เศร้าโศก ในทางนาฏศิลป์ การดัดแปลงท่าทางจากกิริยาที่กล่าวมา จำเป็นที่จะต้องให้การรำออกมาดูสง่า และงดงามด้วย ทุกท่าต้องมีความหมายเช่นเดียวกับภาษาพูด การที่โขนต้องรำไปตามบทพากย์ และเจรจา จึงจำแนกการรำของโขนออกเป็น ๒ ชนิด คือ ๑. รำหน้าพาทย์ …

Continue reading
บทพากย์ เจรจา โขน

บทพากย์ เจรจา และการขับร้องประกอบโขน

บทพากย์ เนื่องจากการแสดงโขนจะต้องสวมหัวโขนปิดหน้า จึงต้องมีผู้ร้อง และเจรจาแทนตัวโขน บทพากย์เป็นบทประพันธ์ประเภทกาพย์ มีทั้งกาพย์ยานี และกาพย์ฉบัง เมื่อพากย์จบไปบทหนึ่งก็จะตีตะโพนรับ และกลองทัดตีตาม แล้วลูกคู่ร้องรับด้วยคำว่า “เพ้ย” พร้อมๆกัน บทพากย์โขนแบ่งเป็น ๕ ประเภท คือ ๑. พากย์เมืองหรือพากย์พลับพลา ใช้พากย์ตอนผู้แสดงออกท้องพระโรงหรือออกพลับพลา ๒. พากย์รถ พากย์รถนี้จะรวมถึงการพากย์ช้าง และพากย์ม้าด้วย ใช้ในกรณีที่ผู้แสดงออกรบ อาจจะทรงรถ ทรงม้าหรือทรงช้างก็ได้ ๓. พากย์ชมดง ใช้ในโอกาสชมนกชมไม้ โดยใช้เพลงชมดงใน มีเครื่องดนตรี คือ ตะโพน และฉิ่งประกอบจังหวะ ๔. …

Continue reading
ดนตรีประกอบการแสดงโขน

เสียงโขนสุดเฟื่องฟู วงพิณพาทย์แห่งเทวดา ดนตรีประกอบการแสดงโขน

วงดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงโขน ได้แก่ วงปี่พาทย์ (บางทีก็เรียก “พิณพาทย์”) ซึงประกอบไปด้วย ปี่ ระนาด ฆ้อง กลอง ตะโพน บางสมัยก็จัดเป็นวงเครื่องห้าตามแต่ฐานะของผู้เป็นเจ้าของงาน ๑. โขนกลางแปลง เป็นการแสดงบนพื้นดินกลางสนาม ไม่มีฉาก มีบทพากย์ และเจรจาสำหรับบรรยายเรื่อง วงปี่พาทย์ที่บรรเลงประกอบการแสดงในสมัยกรุงศรีอยุธยามีเพียงวงปี่พาทย์เครื่องห้า มีเครื่องบรรเลงคือ ปี่กลาง ฆ้องวงใหญ่ ตะโพน กลองทัด (แต่เดิมใช้เพียง ๑ ลูก ต่อมาสมัยรัชกาลที่ ๑ จึงเพิ่มเป็น ๒ ลูก) และฉิ่ง โดยจะมี ๒ …

Continue reading
การแต่งกายโขน

เครื่องแต่งกายของโขน

เครื่องแต่งกายของโขนมีดังนี้ ๑. ตัวพระ สวมเสื้อแขนยาวปักดิ้น และเลื่อม มีอินทรธนูที่ไหล่ ส่วนล่างสวมสนับเพลา (หมายเหตุ : กางเกง) ไว้ข้างใน นุ่งผ้ายกจีบโจงไว้หางหงส์ทับสนับเพลา ด้านหน้ามีชายไหวชายแครงห้อยอยู่ ศีรษะสวมชฎา สวมเครื่องประดับต่างๆ เช่น กรองคอ ทับทรวง ตาบทิศ ปั้นเหน่ง ทองกร กำไลเท้า เป็นต้น แต่เดิมตัวพระจะสวมหัวโขน แต่ภายหลังไม่นิยม เพียงแต่แต่งหน้า และสวมชฎาแบบละครในเท่านั้น ๒. ตัวนาง สวมเสื้อแขนสั้นเป็นชั้นในแล้วห่มสไบทับ ทิ้งชายไปด้านหลังยาวลงไปถึงน่อง ส่วนล่างนุ่งผ้ายกจีบหน้า ศีรษะสวมมงกุฎ รัดเกล้า หรือกระบังหน้าตามแต่ฐานะของตัวละคร …

Continue reading
โขน

การฝึกหัดโขน

ผู้ที่จะหัดโขนนั้นมักเป็นผู้ชายตามธรรมเนียมมาแต่โบราณ โดยเริ่มหัดกันตั้งแต่อายุ ๘ -๑๒ ขวบ ในชั้นต้นครูผู้ใหญ่จะพิจารณาคัดเลือกออกเป็น ๔ พวก คือ ๑. ตัวพระ คัดเลือกผู้มีลักษณะใบหน้าสวย จมูกเป็นสัน ลำคอโปร่งระหง ไหล่ลาดงาม ช่วงอกใหญ่ ลำตัวเรียว เอวเล็ก ตามแบบชายงามในวรรณคดีไทย ๒. ตัวนาง เลือกผู้ที่มีลักษณะคล้ายตัวพระ แต่ต้องมีใบหน้างาม กิริยาท่าทางนุ่มนวลอย่างผู้หญิง ๓. ตัวยักษ์ เลือกผู้ที่มีลักษณะคล้ายตัวพระ แต่ไม่ต้องเลือกหน้าตา รูปร่างต้องใหญ่ และท่าทางแข็งแรง ๔. ตัวลิง เลือกผู้ที่มีลักษณะป้อมๆ ท่าทางหลุกหลิกคล่องแคล่วว่องไว เมื่อผู้ที่หัดเป็นตัวเหล่านี้ไปแล้ว …

Continue reading
ฆ้องหุ่ย

ฆ้องหุ่ย หรือฆ้องโหม่ง หรือฆ้องเหม่ง

ฆ้องหุ่ย หรือฆ้องโหม่ง หรือฆ้องเหม่ง จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี ทำด้วยโลหะผสมเป็นรูปวงกลมมีขอบตรงกลางมีปุ่มสำหรับตี ตีด้วยไม้หุ้มนวม ฆ้องโหม่ง รูปร่างเหมือนกับฆ้องชัย แต่มีขนาดเล็กและบางกว่าฆ้องเหม่ง มีลักษณะเหมืองฆ้องโหม่ง แต่มีขนาดเล็กและหนากว่า ประวัติ ฆ้อง มีใช้ในวงดนตรีของไทยมาแต่โบราณ ตั้งแต่สมัยสุโขทัย จังหวัดที่นิยมบรรเลง ทุกภาคทั่วไป โอกาสที่บรรเลง ฆ้องหุ่ยและฆ้องโหม่ง นิยมบรรเลงในงานรื่นเริง และงานมงคลทั่วไป ส่วนฆ้องเหม่ง ใช้ในการประโคมศพ วงบัวลอย บทเพลงที่นิยมบรรเลง ตีเป็นจังหวะเท่านั้น

Continue reading

ฆ้องมอญ

ฆ้องมอญ หรือฆ้องวงมอญ เป็นเครื่องตีที่ทำด้วยโลหะ มีลักษณะเช่นเดียวกับฆ้องวงใหญ่ แต่แขวนติดกับรางที่ทำเป็นกล่องเสียง เป็นรูปครึ่งวงกลมโค้งขึ้น ตีด้วยไม้หุ้มนวมคู่หนึ่ง ฆ้องมอญมีหลายขนาด คือ ฆ้องมอญวงเล็ก ฆ้องมอญกลาง ฆ้องมอญวงใหญ่ จำนวนฆ้องจะมีตั้งแต่ ๑๖ ลูก จนถึง ๑๘- ๑๙ ลูก ประวัติ ฆ้องมอญได้รับอิทธิพลมาจากชาวรามัญ นิยมนำมาเล่นในประเทศไทย บรรเลงเกี่ยวกับพิธีศพตั้งแต่สมัยรัชกาล ๔ และแพร่หลายมากในสมัยรัชกาลที่ ๖ เป็นต้นมา จังหวัดที่นิยมบรรเลง ภาคกลางทุกจังหวัด และภาคอื่นบางจังหวัด โอกาสที่บรรเลง พิธีศพ และการบรรเลงปี่พาทย์มอญทั่วไป บทเพลงที่นิยมบรรเลง เพลงสำเนียงมอญ …

Continue reading
ฉิ่งฉาบ

ฉิ่ง ฉาบ

ฉิ่ง จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี สำหรับควบคุมจังหวะในวงดนตรี ทำด้วยโลหะผสมเป็นรูปคล้ายถ้วยขนาดเล็ก ค่อนข้างหนาตรงกลางมีรูร้อยเชือกติดกันเป็นคู่ ๆ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๕-๗ ซม. ฉาบ จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี สำหรับตีประกอบจังหวะ มีรูปร่างคล้ายจานทำด้วยโลหะบางกว่าฉิ่ง มี ๒ ขนาด คือ ฉาบเล็ก และฉาบใหญ่ ประวัติ เครื่องดนตรี ๒ ชนิดนี้ มีเล่นกันมาช้านานในราวสมัยสุโขทัย จังหวัดที่นิยมบรรเลง ทั่วทุกภาคของประเทศไทย โอกาสที่บรรเลง ทุกโอกาส บทเพลงที่นิยมบรรเลง ทุกเพลง

Continue reading
กรับเสภา

กรับคู่ หรือกรับเสภา

กรับคู่ หรือกรับเสภา จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี นิยมใช้เป็นเครื่องประกอบจังหวะ ทำด้วยไม้เนื้อแข็งเหลาเป็นรูปสี่เหลี่ยม ชุดหนึ่งมี ๒ อัน ประวัติ ไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่นอนว่ากำเนิดแต่สมัยใด นิยมใช้ประกอบจังหวะในการเล่นแบบพื้นบ้าน และประกอบในวงดนตรีมาแต่โบราณ จังหวัดที่นิยมบรรเลง ภาคกลางทุกจังหวัด และภาคอื่นบางจังหวัด โอกาสที่บรรเลง ทุกโอกาส บทเพลงที่นิยมบรรเลง ตีประกอบจังหวะหลักในวงดนตรี และเพลงพื้นบ้านทั่วไป

Continue reading
กลองยาว

กลองยาว

กลองยาว จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี เป็นกลองขึงหนังหน้าเดียว ตัวกลองที่ขึงหนังจะป่องออกส่วนที่ต่อออกไปด้านตรงข้ามหน้ากลองเป็นท่อกลวงปลายบาน กลองยาวจะมีหลายขนาดด้านตัวกลองที่ขึงหนัง นิยมตกแต่งด้วยผ้าสีต่างๆหุ้มไว้รอบๆเพื่อความสวยงาม ประวัติ กลองยาวได้รับอิทธิพลมาจากพม่า ไม่ปรากฏหลักฐานแน่นอนว่า มีมาแต่สมัยใด จังหวัดที่นิยมบรรเลง ทุกจังหวัดในภาคกลาง และภาคอื่นบางจังหวัด โอกาสที่บรรเลง งานมงคลและงานรื่นเริงทั่วไป บทเพลงที่นิยมบรรเลง ตีเป็นจังหวะต่าง ๆ และจังหวะประกอบหน้าทับเพลงสำเนียงพม่า

Continue reading
กลองแขก

กลองแขก

กลองแขก จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี เป็นกลองสองหน้า ตัวกลองทำด้วยไม้ขึงด้วยหนัง ๒ หน้า หน้าเสียงต่ำ และหน้าเสียงสูง ดึงให้ตึงด้วยเชือกหนัง ชุดหนึ่งมี ๒ ลูก ตีคู่กันเป็นตัวเมียเสียงต่ำ และตัวผู้ เสียงสูง ประวัติ กลองแขก ได้รับอิทธิพลมาจาก ชวา มลายู มีใช้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จังหวัดที่นิยมบรรเลง ทุกจังหวัดในภาคกลาง และภาคอื่นในบางจังหวัด โอกาสที่บรรเลง ทุกโอกาส บทเพลงที่นิยมบรรเลง ใช้ตีหน้าทับต่าง ๆ ในเพลงไทย เช่น สองไม้ ปรบไก่ สะละม่า ฯลฯ

Continue reading
กลองทัด

กลองทัด

จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี เป็นกลองสองหน้าขนาดใหญ่ หน้ากลองขึงด้วยหนังวัวทั้งหน้า ตรึงไว้ด้วยหมุดตัวกลองทำด้วยไม้เนื้อแข็ง ตีด้วยไม้ ๑ คู่ ชุดหนึ่งมี ๒ ลูก คือตัวผู้จะมีเสียงสูง และตัวเมียจะมีเสียงต่ำ กลองชนิดนี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “กลองเพล” ประวัติ กลองทัด มีประวัติยาวนานมาก เชื่อว่าเริ่มมีขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๒ นำมาใช้ในวงดนตรีไทยมาช้านาน ตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย ในอดีตมีลูกเดียว ต่อมาสมัยรัชกาลที่๑ ได้เพิ่มเป็น ๒ ลูก จังหวัดที่นิยมบรรเลง ทุกจังหวัดในภาคกลาง และภาคอื่น ๆ ในบางจังหวัด โอกาสที่บรรเลง ใช้เป็นสัญญาณบอกเวลา ๑๑.๐๐ …

Continue reading
ตะโพน

ตะโพน

ตะโพน จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี เป็นกลองสองหน้าที่สำคัญในวงดนตรีไทยภาคกลาง ตัวกลองทำด้วยไม้ขุดกลวงทะลุถึงกัน ขึงด้วยหนังสองหน้าดึงให้ตึงด้วยเชือกหนัง ถ่วงหน้าด้วยขี้เถ้าผสมข้าวสุกบด เพื่อให้เสียงดังกังวาน ตัวกลองวางอยู่บนขาตั้งที่ทำด้วยไม้ ด้านบนตัวกลองตรงกึ่งกลางมีหูสำหรับหิ้วได้ ประวัติ ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่ากำเนิดขึ้นตั้งแต่สมัยใด มีเล่นมาตั้งแต่โบราณ ไม่น้อยกว่าสมัยกรุงศรีอยุธยา จังหวัดที่นิยมบรรเลง ภาคกลางทุกจังหวัด และบางจังหวัดในภาคอื่น โอกาสที่บรรเลง ทุกโอกาส บทเพลงที่นิยมบรรเลง ใช้ตีหน้าทับต่างๆ ในวงปี่พาทย์

Continue reading
โทน

โทน

โทน จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี รูปร่างคล้ายกลองยาวขนาดเล็ก ทำด้วยไม้หรือดินเผาขึงด้วยหนังดึงให้ตึงด้วยเชือกหนัง หน้ากลองคล้ายทรงกระบอก ปากบานแบบลำโพง ตรงเอวคอดใช้ตีคู่กับรำมะนา ประวัติ โทนใช้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในอดีตจะเรียกว่าทับ จังหวัดที่นิยมบรรเลง ทุกจังหวัดในภาคกลาง และบางจังหวัดในภาคอื่น ๆ โอกาสที่บรรเลง ทุกโอกาส บทเพลงที่นิยมบรรเลง ใช้ตีหน้าทับต่าง ๆ ในเพลงไทย เช่น สองไม้ ปรบไก่ สะละม่า ฯลฯ

Continue reading