ภาวะมีบุตรยาก

ภาวะการมีบุตรยากที่เกิดจากเพศหญิง

ภาวะการมีบุตรยากที่เกิดจากเพศหญิง
      คู่แต่งงานคู่ใด ที่ได้พยายามมีบุตรมาเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้วยังไม่สามารถมีบุตรได้ ถือว่าเข้าข่าย มีบุตรยาก ควรต้องมาปรึกษาสูตินรีแพทย์
เพื่อตรวจหาสาเหตุ ของการมีบุตรยาก ซึ่งประมาณ 50% มีสาเหตุมาจากฝ่ายหญิง (อ่านเรื่องภาวะการมีบุตรยากที่เกิดจากเพศชาย  ) วันนี้เรามาดูกันว่า มีอะไรบ้างที่ทำให้ฝ่ายหญิงมีบุตรยาก

อวัยวะสืบพันธุ์ในเพศหญิง ประกอบด้วย
1. รังไข่ ซึ่งอยู่ในช่องท้องส่วนล่าง มีข้างละ 1 รังไข่จะผลัดกันสร้าง ไข่ออกมาเดือนละหนึ่งฟอง ซึ่งถ้าได้รับการผสมจากเชื้ออสุจิ ก็เกิดเป็นการตั้งครรภ์ได้
2. ปีกมดลูก มีสองข้างเช่นกัน เป็นทางที่เชื้ออสุจิว่ายผ่านมาผสมกับไข่ เกิดเป็นตัวอ่อน และตัวอ่อนนี้จะเดินทางผ่านปีกมดลูกมาฝังตัวในโพรงมดลูก
3. ตัวมดลูก เป็นก้อนเนื้อประมาณขนาดเท่าผลชมภู่หนึ่งผล ข้างในมีโพรงเพื่อให้ตัวอ่อนที่จะเจริญเป็นทารกมาฝังตัว
4. ช่องคลอด เป็นอวัยวะที่สำคัญในการร่วมเพศและรองรับเชื้ออสุจิเพื่อผ่านเข้าสู่มดลูกและปีกมดลูก และเป็นทางที่ทารกคลอดออกมาสู่โลกภายนอก
ในการคลอดปกติ

สาเหตุของการมีบุตรยาก ในเพศหญิง   สาเหตุที่มาจากฝ่ายหญิงพบได้บ่อยกว่าในฝ่ายชายเล็กน้อย คือ ประมาณ เกือบ 50% ส่วนที่เหลืออีก 10%
ของคู่แต่งงานที่มีบุตรยากมีสาเหตุมาจากทั้งชายและหญิง  สาเหตุในฝ่ายหญิง แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 4 กลุ่มสาเหตุ คือ
1. ไม่มีการตกไข่ หรือไข่ตกแต่ไม่สมบูรณ์
2. มีการตีบตันของปีกมดลูก ทำให้อสุจิไม่สามารถว่ายไปผสมกับไข่ได้
3. มีความผิดปกติของตัวมดลูกหรือช่องคลอด
4. มีโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ( Endometriosis )

การตรวจหาสาเหตุของการมีบุตรยาก ในเพศหญิง
    ในฝ่ายหญิงจะต้องมีการตรวจหลายอย่างต่างจากในผู้ชายซึ่งมักอาศัยการตรวจเชื้ออสุจิอย่างเดียว คุณผู้หญิงที่มีบุตรยาก ถ้าได้รับการตรวจภายในว่า
ปกติแล้ว อาจต้องมีการตรวจเอ็กซ์เรย์ฉีดสีเข้าไปในโพรงมดลูก หรือถ้ามีประวัติปวดท้องเวลามีประจำเดือนบ่อยๆ และตรวจภายใน ตรวจอัลตร้าซาวน์ไม่
สามารถบอกสาเหตุของการมีบุตรยากได้ อาจต้องถึงขั้นผ่าตัดส่องกล้องเข้าช่องท้องเพื่อ ดูว่ามีร่องรอยของโรค เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุ
ของการมีบุตรยากที่พบค่อนข้างบ่อยมากในผู้หญิงไทย

การป้องกันและรักษาภาวะมีบุตรยากในเพศหญิง
 1. ระวังไม่ให้เกิดการอักเสบลามเข้าไปในมดลูก เช่น ไม่มีเพศสัมพันธ์ ช่วงที่มีตกขาวมาก หรือถ้ามีอาการตกขาวก็ไม่ปล่อยทิ้งไว้นานๆ และงดมีเพศสัมพันธ์ขณะที่กำลังมี

     ประจำเดือน เป็นต้นหรือถ้าผู้ชายมีประวัติชอบเที่ยวกลางคืน ต้องให้สวมถุงยางทุกครั้ง
 2. ถ้ามีอาการปวดประจำเดือนมากขึ้นทุกเดือน ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เป็นหมันได้ จากการที่ปีกมดลูกหรือ รังไข่ถูกทำลายจาก
    โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ( Endometriosis ) ซึ่งเป็นมากแล้ว
3. ไม่ทานยาหรือฉีดยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลาหลายๆปี โดยที่ไม่มีการปรึกษาแพทย์หรือตรวจภายในเป็นระยะๆ

ขั้นตอนการรักษาภาวะมีบุตรยากโดยย่อ
      ถ้าจากการตรวจต่างๆไม่พบสาเหตุความผิดปกติทางร่างกายที่สำคัญ แพทย์อาจเริ่มให้การรักษาได้เลย โดยแบ่งเป็นขั้นตอนการรักษาใหญ่ๆออกได้เป็น 5 ขั้นตอน
เริ่มต้นจากวิธีง่ายๆไปก่อน และควรที่คู่แต่งงานจะให้เวลาในการรักษาแต่ละขั้นตอนอย่างน้อย 4-6 เดือน ก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้ขั้นตอนที่สูงและยุ่งยากมากขึ้น
ซึ่งจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นด้วย

ขั้นตอนที่ 1. ให้ฝ่ายหญิงกินยา หรือฉีดยากระตุ้นให้มีการสร้าง และตกไข่ที่สมบูรณ์ แล้วกำหนดช่วงเวลาการมีเพศสัมพันธ์ไกล้ๆระยะไข่ตก ( หรือฉีดน้ำเชื้ออสุจิ เข้าไปในช่องคลอดแทนการร่วมเพศ ) แล้วรอให้มีการปฏิสนธิ และการฝังตัวของตัวอ่อนตามธรรมชาติ

ขั้นตอนที่ 2. การทำผสมเทียม ใช้ยากระตุ้นแบบขั้นตอนที่ 1. ในฝ่ายหญิง แล้วฉีดเชื้ออสุจิที่ผ่านการคัดล้างแล้วเข้าไปในโพรงมดลูก ให้มีการปฏิสนธิ  และการฝังตัวของตัวอ่อนตามธรรมชาติ

ขั้นตอนที่ 3. การทำเด็กหลอดแก้ว ต้องมีการกระตุ้นให้มีการสร้างไข่หลายๆฟอง แล้วเก็บไข่โดยการใช้เข็มเจาะดูดออกมา แล้วปล่อยให้เกิดการปฏิสนธิ  ในจานหรือหลอดแก้วในห้องปฏิบัติการ รอจนได้ตัวอ่อนที่สมบูรณ์ แล้วจึงใส่ตัวอ่อนเข้าไปในโพรงมดลูกโดยผ่านเครื่องมือเข้าทางช่องคลอด

ขั้นตอนที่ 4. การทำกิ๊ฟ ต่างจากการทำเด็กหลอดแก้วตรงที่ พอได้ไข่และเชื้ออสุจิแล้ว ต้องใส่เข้าไปที่ปลายปีกมดลูก โดยการผ่าตัดส่องกล้องเข้าทางหน้าท้อง แล้วรอให้มีการปฏิสนธิและการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูก ตามธรรมชาติ

ขั้นตอนที่ 5. การทำอิ๊คซี่ เป็นวิธีที่นิยมทำกันมาก ในปัจจุบัน เพราะได้ผลสูงสุดถึงเกือบ 50% วิธีทำคล้ายเด็กหลอดแก้ว แต่ใช้การฉีดเชื้ออสุจิ 1 ตัวเข้าไปในไข่หนึ่งฟอง บังคับให้มีการปฏิสนธิแล้วรอให้เจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนที่สมบูรณ์ (อาจทำการตรวจตัวอ่อนว่าได้เพศที่ต้องการ และไม่มีความผิดปกติทางโครโมโซม) แล้วจึงใส่ตัวอ่อนเข้าไปในโพรงมดลูกโดยผ่านเครื่องมือเข้าทางช่องคลอดเช่นเดียวกับการทำเด็กหลอดแก้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.