เนื้อไก่เป็นอาหารที่รับประทานได้ง่าย คุณค่าทางอาหารก็อุดมสมบูรณ์ดี โดยเฉพาะมีโปรตีนและกรดอะมิโนมากกว่าเนื้อสัตว์อื่น ๆ (25 – 35 %) ไขมันของไก่ก็มีค่าไอโอดีนต่ำกว่าเป็ดและห่าน แสดงว่ามีกรดไขมันชนิดอิ่มตัวน้อยกว่า และเมื่อเทียบกันแล้ว เนื้อไก่มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูงกว่าด้วย
การเลือกไก่มาทำอาหารนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะทำอาหารอะไร ถ้าจะนำมา ย่าง อบ หรือทอด ก็อาจจะใช้เฉพาะส่วน คือ น่อง ปีก แต่ถ้านำมาย่างทั้งตัวควรเลือกใช้ไก่อ่อนที่มีน้ำหนักประมาณ 1 /2 กิโลกรัม ถึง 1 กิโลกรัม แต่ถ้าจะใช้เนื้อไก่มาย่าง อบ หรือทอด ควรจะหมักกับเครื่องปรุงอย่างน้อย 2 ชั่วโมงเพื่อเป็นการเพิ่มรสชาติ เพราะเนื้อไก่โดยทั่วไปจะไม่ค่อยมีรส และในระหว่างที่หมักก็จะต้องแช่ไว้ในตู้เย็น เพราะเนื้อไก่จะเสียง่าย แม้จะหมักในเครื่องแล้วก็ตาม
เนื้อไก่สับละเอียด 1 ถ้วย
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 + 1/ 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1 + 1/ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 + 1/ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ใบคะน้าอ่อนเด็ดเป็นใบ ๆ
พริกไทยอ่อนเด็ดเป็นเม็ด ๆ
ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟให้ร้อน ใส่กระเทียมเจียวให้หอม ใส่ไก่สับ ผัดให้ไก่พอสุก ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว น้ำตาล น้ำมะนาว ผัดให้เข้ากันดี แล้วจึงปิดไฟ ยกลง ตักใส่ถ้วย โรยด้วยเม็ดพริกไทยอ่อน รับประทานเป็นคำ ๆ โดยการห่อไก่ที่ผัดแล้วด้วยใบคะน้าอ่อน
เนื้อไก่ที่จะนำมาทำอาหารประเภทแกง เราสามารถใช้ไก่ได้เกือบทุกส่วน ทั้งส่วนอก น่อง หรือสะโพก ถ้าใช้ไก่แก่ในการหุงต้ม ก็จะใช้เวลานานหน่อยกว่าไก่จะเปื่อยนุ่ม
ในการล้างทำความสะอาดไก่ทุกครั้ง ควรซับน้ำให้แห้ง เพราะถ้าเนื้อไก่มีน้ำมาก ก็จะซึมซับเอาเครื่องปรุงรสได้ไม่ดี ส่วนการเก็บรักษาไก่ที่ดีและนำมาใช้ทำอาหารได้รวดเร็วนั้น ควรหั่นหรือสับไก่ตามลักษณะของอาหารที่จะปรุง แล้วทำให้สุกประมาณ 70% (อาจจะใช้วิธีรวน หรือ ลวก ก็ได้) แล้วใส่ภาชนะเก็บเข้าตู้เย็นช่องธรรมดา โดยทั่วไปไม่ควรเก็บไก้ไว้นานเกิน 10 วัน ไม่ว่าจะเป็นไก่รวนหรือไก่สดก็ตาม ถึงแม้ว่าการเก็บไก่นาน ๆในช่องแช่แข็งจะไม่ทำให้ไก่เสีย แต่ความหวานหอมอร่อยจะลดลง เพราะยิ่งมีน้ำแข็งแทรกในเนื้อไก่มากเท่าไหร่ ไก่ก็จะมีรสจืดชืดมากขึ้นเท่านั้น