การสร้างพระพุทธรูป

พระชัยวัฒน์

ประเพณีการสร้างพระพุทธรูปของชาวสยามมีมาช้านานและหลากหลายตามแต่ปราชญ์แห่งท้องถิ่นนั้นจะคิดประดิษฐ์จารีตประเพณีที่มีปรัชญาหรือแนวคิดทางพระพุทธศาสนาเป็นแก่นแกนของวัฒนธรรม พระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์หรือสิ่งที่ทำให้น้อมใจนึกไปถึงคุณความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่า“พุทธคุณ” ที่มีการแสดงไว้สามประการคือ ๑. พระบริสุทธิคุณ คือมีความบริสุทธิ์ของจิตอย่างยิ่งเป็นจิต บริสุทธ์ที่เข้าถึงต้นธาตุต้นธรรม ๒. พระกรุณาธิคุณ คือมีเจตจำนงค์ในการช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์อย่างยิ่งที่ไม่มีพระโพธิสัตว์องค์ใดจะมีได้เสมอเหมือนกล่าวกันว่า(มติเถรวาท)พระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีแก่กล้าขนาดนิยตะโพธิสัตว์คือเที่ยงแท้ต่อการบรรลุพระโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นอาจมีพระเมตตาบารมี(อยากให้เป็นสุข)ได้ใกล้เคียงหรือเสมอกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แต่พระกรุณาบารมี(อยากช่วยให้พ้นทุกข์)นั้นมิอาจทัดเทียมน้ำพระทัยแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ๓. พระปัญญาธิคุณ คือความเลิศล้ำทางปัญญารู้แจ้งแทงตลอดทางมายาและสัจจะและยอดยิ่งในการมีพระปัญญาวินิจฉัยเทศนาธรรมะให้พระสาวกบรรลุตามได้ จะเห็นได้ว่าความหมายของ “พุทธคุณ” ที่แท้จริงนั้นแตกต่างจากความหมายหรือนัยของนักนิยมเครื่องรางของขลัง เพราะแท้ที่จริงพระพุทธคุณคือคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้แต่สิ่งที่เรียกว่า ฤทธิ อำนาจที่เกิดปาฏิหาริย์นั้น พระบรมศาสดามิได้ยกย่องว่าเป็นองค์คุณแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย       โดยอรรถะและพยัญชนะที่ไม่ควรทำสิ่งที่พระบรมศาสดาประสงค์ให้ผิดเพี้ยนไปจึงควรเรียกความศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏในเครื่องรางหรือแม้แต่ที่ปรากฏในพระพุทธรูปว่า “อิทธิคุณ” จึงจะเหมาะสมกว่าโดยไม่ทำให้เกิดสัทธรรมปฏิรูปแบบไม่ตั้งใจ พระพุทธศาสนานั้นเน้นแก่นเเท้คือความเข้าใจในชีวิตมีสุขด้วยการพ้นทุกข์แบบเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตมีใช่การยกย่องอำนาจฤทธิ์เดชที่เป็นของชั่วคราวไม่ยั่งยืนแต่หากแก่นของพระพุทธศาสนานั้นประเสริฐเลิศล้ำละเอียดจนปถุชนอาจมีมนสิการเข้าถึงได้ยากจึงจำเป็นต้องมีสิ่งที่เรียกว่า “กระพี้ธรรม” ห่อหุ้มเพื่อบำรุงแก่นธรรมนั้นให้คงอยู่การสร้างพระเครื่องรางต่างๆมิใช่มติของพุทธศาสนาที่เป็นแก่นแท้โดยตรงแต่เป็นสิ่งที่ห่อหุ้มบำรุงเลี้ยง “แก่นธรรม”ด้วยการโยงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่ยังข้องอยู่ในโลกียวิสัยให้เกาะอยู่ที่ไตรสรณาคมอันเป็นเหตุสำคัญที่คอยชักจูงคนให้เข้ามาศึกษาพุทธศาสนาจนเข้าถึงแก่นธรรมแท้ได้ การสร้างพระเครื่องหรือพระพุทธรูปอาจเป็นดาบสองคมที่ทำให้คนลุ่มหลงเพราะลูบคลำพระพุทธศาสนาอย่างผิดเป้าพุทธประสงค์ทั้งการหลงกับฤทธิอำนาจนั้นหรือลูบคลำอย่างในฐานะเหตุที่มาแห่งลาภสักการะกับอีกนัยหนึ่งเป็นการบำรุงเลี้ยงศรัทธาของพุทธศาสนิกมิให้เบี่ยงเบนออกนอกจารีตแห่งพุทธปรัชญาจนมีโอกาสบ่มเพาะบารมีของตนเองจนรู้เเจ้งเห็นจริงในธรรมะของพระศาสดาไดในที่สุด การสร้างพระพุทธรูปแม้ในพระบาลีมิได้กล่าวโดยตรงว่าเป็นเหตุแห่งบุญก็ตามแต่ก็มีประโยชน์ในการทำให้น้อมรำลึกถึงพุทธคุณที่แท้หากพิจารณาโดยถูกวิธีได้ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปนั้นจึงมาจากอำนาจแห่งเทวดาที่รักษาพระพุทธศาสนาบันดาลให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์นานาประการเพื่อยังศรัทธาของพุทธบริษัท ทั้งบางประการอาจเกิดจากพุทธบารมีที่เป็นเรื่องอจินไตยไม่อาจอธิบายตามวิสัยปุถุชนจากที่กล่าวถึง “พระพิไชยสงคราม”หรือพระโพธินิพพานห้ามสมุ(ทัย)ว่ามีอานุภาพเสริมสวัสดิมงคลแก่เจ้าของเป็นที่ประจักษ์มาแต่โบราณจึงเป็นประเพณีที่พุทธมามกะชนนิยมดำเนินตามสร้างพระบรรจุดวงชะตาโดยเปรียบเอาพระรูปแห่งองค์พระปฏิมาเป็นประดุจตัวถังของรถ การบรรจุดวงชะตาเปรียบเสมือนเครื่อง แรงศรัทธาคือน้ำมันพึงอภิปรายแสดงได้ว่า …

Continue reading