จากเด็กหญิงผู้ถือกำเนิดขึ้นในครอบครัวที่ทุกข์เข็ญ แต่เพราะเป็นเด็กที่มีความประหลาดมหัศจรรย์หลายๆ สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัว เกินกว่าที่เด็กหญิงคนอื่นๆ จะมีได้ จนเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว ทำให้ชีวิตของเด็กสาวชาวบ้านคนหนึ่งที่มีโชคชะตาจากต่ำสุด พุ่งทะยานขึ้นไปสู่ความสูงสุดที่ยิ่งกว่าความฝันใดๆ นับว่าเป็นบุญวาสนาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเกิดมาท่ามกลางความยากจนเข็ญใจ ที่ต้องผันเปลี่ยนชีวิตไปอย่างไม่น่าเชื่อ และด้วยเหตุอัศจรรย์ที่เกิดกับนางทั้งหมดนี้ทำให้นางเกิดความเห็นผิดเป็นชอบนำไปสู่เรื่องทุรยศ กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของแผ่นดินสยาม นางเป็นหญิงที่ไม่มีหญิงใดเหมือน เป็นที่ต้องการของชายทั้งหลาย กล่าวกันว่าชายใดได้เห็นนางแล้ว จะไม่เกิดอารมณ์พิศวาสในกามารมณ์เป็นไม่มี ซึ่งทั้งรูปร่างและที่พิเศษคือความหอมที่มิได้เกิดจากการประทินหรือตกแต่งด้วยสิ่งหอมแต่ประการใด นางผู้นั้นก็คือ
สมเด็จพระแม่อยู่หัวจ้าว นางพญาท้าวศรีสุดาจันทน์
แต่เดิมนั้นพระนางชื่อ บัวผัน เป็นบุตรทุกขะตะคนเข็ญใจ ไร้ญาติพี่น้อง ไม่มีทั้งทรัพย์สมบัติใด พอมีพอกินไปวันๆ บ้านของบิดามารดาอยู่ที่นาเกลือ บ้านสาขลา อยู่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ขึ้นกับเมืองพระประแดง (ปัจจุบัน คือ จังหวัดสมุทรปราการ) เมื่ออำแดงบัวผันเกิดนั้นก็มีปรากฎการณ์ที่ไม่เป็นมงคล เพราะว่าในช่วงเวลาที่อำแดงบัวผัน เกิดก็ทำให้เกิดปรากฎการณ์แผ่นดินไหว และต่อมาก็เกิดไฟไหม้เผาทั้งหมู่บ้านนั้น จนวอดวายหมดสิ้น อีกเหตุการณ์หนึ่งคือ เมื่ออำแดงบัวผันมีอายุครบ ๑ เดือน ตามประเพณีจะต้องทำพิธีโกนผมไฟเด็ก เหตุอาเพศก็เกิดทันทีคือฟ้าผ่าลงมาถูกต้นไม้ใหญ่จนล้มทับบ้านพังทลายหมด เดือดร้อนต้องไปปลูกกระท่อมใหม่ ซึ่งแต่เดิมฐานะทางการอยู่กินก็อัตคัตอยู่แล้ว กลับต้องมาเดือดร้อนในการสร้างบ้านเรือนใหม่อีก เป็นเหมือนกรรมซัดกรรมซ้อน บ้านที่สร้างใหม่ในครั้งที่สองนี้ ก็สร้างขึ้นพอได้อาศัยอยู่กันไป แต่ในความอัปมงคลของอำแดงบัวผันนั้นก็ยังแฝงไปด้วยความมหัศจรรย์ที่มีอยู่ในกายของนาง ซึ่งหญิงอื่นทั่วไปไม่มีลักษณะพิเศษแบบนี้ได้ ความพิเศษนี้เองได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกไว้ กล่าวกันว่าแม้ชายใดได้พบได้เห็นนางแล้ว จะต้องบังเกิดความตื่นเต้นจนขนลุกชูชันไปตามๆ กัน ดังมีในการจารึกและเล่าสืบต่อกันมาว่า
“ครั้งเมื่ออำแดงบัวผันมีอายุได้ ๓ เดือน นอนอยู่ในเมาะ ไม่ได้สวมเสื้อแต่ประการใดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สิ่งที่ประหลาดนั้นก็คือมีผึ้ง แมลงชันโรง แมลงวัน และแมลงต่างๆ มารุมตอมโยนีของอำแดงบัวผันเป็นจำนวนมาก ทำให้สร้างความประหลาดใจ แก่บิดามารดาต้องให้เด็กนอนในมุ้งเสมอๆ เมื่ออำแดงบัวผันโตขึ้นมาหน่อย มารดาเอาออกมานอนกลางแจ้ง พวกผึ้ง แมลงภู่ แมลงชันโรง แมลงวัน ต่างมารุมตอมโยนีกันเป็นกลุ่มมากขึ้นกว่าเดิม บิดามารดามีจึงเกิดความสงสัย ว่าเพราะเหตุใดแมลงเหล่านี้จึงแย่งกันมารุมตอมแต่ที่โยนีเท่านั้น ทั้งที่มิใช่วิสัยของแมลงเหล่านี้เลย จึงตัดสินใจลองดมที่โยนี และโยนีนั้น ก็มีน้ำใสๆ ไหลออกมา น้ำที่ไหลนั้นกลับมีความอัศจรรย์มีกลิ่นหอมคล้ายดอกพิกุลแห้ง บิดามารดาก็ยังสงสัยอีกว่าถ้าหอมอย่างเดียวคงจะไม่สามารถดึงดูดแมลงต่างๆ ได้เป็นแน่ แต่ด้วยที่อำแดงบัวผันนั้นเป็นลูกของตนเองจึงไม่เกิดความรังเกียจใดๆ ทั้งสองผัวเมียจึงลองชิมน้ำที่ไหลออกจากโยนี น้ำนั้นรสหอมหวานเหมือนน้ำตาลสด ลักษณะของโคกโยนี มีความแปลกมากเหมือนปุ่มฆ้อง โยนีโตเท่ากำปั้นคล้ายหอยโข่ง รูปโยนีไม่รีเหมือนใบพลู แต่โยนีมีรอยขีดยาวนิดหน่อย เมื่อแย้มรอยขีดออกจึงมีรูช่องกลมคล้ายกระบอกไม้ และเมื่ออำแดงบัวผันร้องไห้เสียงก็ไม่เหมือนกับเด็กปกติทั่วไป เสียงนั้นคล้ายกับเสียงเป่าแตรสังข์ ถ้าคราวใดที่อำแดงบัวผันมีเหงื่อออกตามตัว กลิ่นเหงื่อจะหอมเหมือนข้าวใหม่ และถ้ากลิ่นตัวธรรมดาจะเหมือนกลิ่นดอกชำมะนาด เมื่ออำแดงบัวผันโตขึ้น ก็ส่อเค้าว่าจะเป็นสตรีผู้มีความงดงามเป็นเลิศ ปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นทุกวัน ใบหน้ามีความสะสวยเกลี้ยงเกลาหาตำหนิไม่ได้โครงหน้าเป็นดังรูปไข่ คิ้วโก่งสุดหางตา ดวงตาคมกลมดำเป็นมัน เหมือนมณีนิล จมูกโด่งเรียวงามดังคันศร เมื่อใดที่นางยิ้มแก้มทั้งสองข้างจะปรากฎลักยิ้ม แก้มทั้งสองมีสีราวผลมะปรางสุข เนื้อหนังร่างกายอ่อนนุ่มละมุน ดังผ้ากำมะหยี่หรือสำลี เนื้อละเอียดเกลี้ยงมีสองสี มีขาวเจือเหลืองอ่อนเหมือนสีลูกจันทร์สุก เส้นผมอ่อนนุ่มดำเป็นเงาเจืออ่อนๆ มีกลิ่นหอมมาก เล็บมือเท้างุ้มคล้ายเล็บครุฑ ฟันเล็กๆ เท่ากันทั้ง ๓๒ ซีก ส่วนลักษณะของถันยุคลนมทั้งคู่ ก็มีความสวยงามอวบอูมดังดอกบัวสัตตะบงกช ฐานคอดกลางปล้อง ปลายงอน(จะงอนมากหรือไม่นั้นเค้าเล่าว่านำพวงมาลัยมาคล้องไม่ตก) ต้นฐานชิดติดกันขนาดที่ว่าเอาพลูเสียบไม่หล่นก็แล้วกัน นมมีน้ำใสๆ ไหลรินออกมาในบางคราว ที่พิเศษคือกลิ่นหอมหวลมากคล้ายดอกพิกุล เมื่อบัวผันอายุล่วงเลยมาถึงช่วงที่เริ่มมีระดูๆ นั้นหอมคล้ายกลีบดอกพิกุลแห้ง แม้แต่ผ้าที่เปื้อนโลหิต ถึงแม้ว่าจะซักด้วยน้ำแล้วก็ตาม ถ้านำไปตากแดดไว้ สิ่งที่เห็นก็คือมีทั้งแมลงภู่ ผึ้ง แมลงชันโรง แมลงวัน และแมลงอื่นๆ อีกมากมายมาตอมเป็นกลุ่ม ซึ่งเชื่อกันว่าแมลงเหล่านั้นคงจะมาตอมดมหรือสูบกลิ่นหอมหวานของโลหิตติดผ้า โยนีนั้นปราศจากเส้นโลมา เกลี้ยงเกลาขาวนวลบริสุทธิ์จนหาตำหนิไม่มี