น้ำอีกหนึ่งองค์ประกอบ ในการจัดสวน
การนำน้ำเข้ามาเป็นองค์ประกอบในสวน ได้ก่อเกิดแนวความคิดในการสร้าง รูปแบบการจัดสวนออกไปอย่างหลากหลาย จนเกิดรูปแบบของ “สวนน้ำ” ขึ้นมา ไม่ได้กล่าวถึงสวนน้ำ แต่จะคุยกันในเรื่อง การนำน้ำเข้ามาเป็นองค์ประกอบในสวนเท่านั้นครับ
น้ำในสวนมีอิทธิต่อสวนที่จัดขึ้น ทั้งในด้านการใช้สอยและด้านของความงดงาม ในด้านการใช้สอยนั้น น้ำมีประโยชน์ดังนี้
-
- ให้ความชุ่มชื่น เย็นสบายทั้งแก่สวนและผู้ใช้สวน
-
- ใช้สำหรับเลี้ยงปลา ปลูกไม้น้ำ เพื่อสร้างความสวยงามสมบูรณ์ให้กับรูปแบบสวน
-
- หล่อเลี้ยงพืชพรรณในสวน หรือแม้กระทั่งสัตว์ในธรรมชาติที่เข้ามาร่วมเป็นองค์ประกอบสวน เช่น แมลงต่างๆ แมลงปอ ผีเสื้อ นก ฯลฯ
-
- ใช้อุปโภคบริโภคสำหรับผู้คนก็ยังได้ ในด้านความสวยงาม ซึ่งนับเป็นเรืองสำคัญของการออกแบบ น้ำทำให้สวน สวยงามขึ้น ทั้งในรูปแบบและเนื้อหาของสวนนั้นคือ
-
- น้ำทำให้เกิดการเคลื่อนไหว อันเป็นการเคลื่อนไหวจริง ไม่ใช่ความเคลื่อนไหวที่เกิดจากความรู้สึก และความเคลื่อนไหว จริงนี่แหละที่ทำให้สวนมีวิญญาณของธรรมชาติ
-
- น้ำแสดงออกถึงพลังของความงามและจินตนาการ พลังของน้ำอาจอยู่ในรูปลักษณ์ของน้ำพุ น้ำตก การไหล ริ้วคลื่น หรือ กระทั่งความนิ่งในของน้ำ เหล่านี้สามารถก่อเกิดจินตนาการแก่ผู้ชมสวนได้
-
- น้ำทำให้เกิดเสียงในสวน เป็นการสร้างมิติสัมผัสอีกระดับหนึ่งให้เกิดขึ้นกับสวน ซึ่งอาจจะเกิดจากเสียงของน้ำตก น้ำพุ หรือน้ำไหลปะทะซอกหิน
-
- น้ำทำให้เกิดเงาและแสงสะท้อนของสิ่งต่างๆ ที่ใช้จัดสวน ซึ่งก็นับเป็นความงามอีกแบบหนึ่งได้เช่นเดียวกัน
สระน้ำในสวน
รูปแบบของสระน้ำจะขึ้นอยู่กับรูปแบบของสวน คือมีทั้งรูปแบบธรรมชาติและแบบประดิษฐ์
สระน้ำรูปแบบธรรมชาติ เหมาะกับสวนเชิงธรรมชาติ รูปแบบของสระก็ยึดสระในธรรมชาติเป็นแม่แบบในการทำ ในการ ก่อสร้างจะพยายามไม่ให้เห็นหรือปรากฏว่าถูกสร้างขึ้น มีการใช้วัสดุและพืชพรรณพรางตา ให้แนบเนียน เป็นธรรมชาติ มากที่สุด จะไม่ให้เห็นขอบซีเมนต์ คอนกรีต สระน้ำในรูปแบบนี้ควรอยู่ ในระดับที่เท่ากันหรือต่ำกว่า พื้นสนามในสวน เล็กน้อย เพราะจะให้ดูเป็นธรรมชาติได้ง่าย
สระน้ำรูปแบบประดิษฐ์ เป็นสระที่ใช้รูปทรงทางเรขาคณิตมากำหนด เช่น สี่เหลี่ยม วงกลม วงรี หรือรูปทรงอิสระอื่นๆ ที่ดู คล้ายธรรมชาติก็ได้ จะเน้นให้เห็นว่าเป็นงานประดิษฐ์หรือก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์ ความสวยงามของสระจึงขึ้นอยู่กับการคิด สร้างสรรค์รูปแบบ มิใช้งามอย่างธรรมชาติ ลักษณะของสระจะอยู่ในระดับที่เท่ากันหรือสูงกว่า พื้นสนามในสวน เพื่อโชว์ให้ เด่น สะดุดตา ประณีตด้วยวัสดุก่อสร้างในสวนหย่อมการทำสระในรูปแบบนี้ จะทำได้ง่ายและดูจะสวยงามกว่าแบบธรรมชาติ ทั้งนี้ ถ้ารู้จักการจัดองค์ประกอบอื่นๆ ให้เกิดความสวยงามตามสมัยนิยม
การจัดวางสระน้ำในสวน
ตำแหน่งของสระก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของสวนอีกนั้นแหละถ้าเป็นสวนเชิงประดิษฐ์หรือเรียกกันทั่วไปว่าแบบสมัยใหม่บ้าง แบบ ร่วมสมัยบ้าง สระก็ควรอยู่ในตำแหน่งที่เด่นชัด แต่ถ้าเป็นสวนเชิงธรรมชาติ สระก็จะอยู่อย่างกลมกลืนสอดรับกับ สภาพของ องค์ประกอบอื่นๆ ในสวน
ในขั้นตอนการพิจารณาออกแบบสวน ผู้ออกแบบต้องกำหนดตำแหน่งลงให้เหมาะสม ซึ่งจะต้องทราบข้อมูลต่างๆ ของสภาพพื้นที่ ให้ชัดเจนว่ามีข้อจำกัดอะไรบ้าง มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เช่นต้องการทราบเรื่องต่อไปนี้
แสงสว่าง สระที่ได้รับแสงสว่างมากจะมีปัญหาเรื่องตะไคร่น้ำมาก แต่ถ้าร่มทึบเกินไปก็ปลูกไม้น้ำไม่ได้ ดูอับทึบไม่งาม นี่ไม่พูดถึงสระในอาคารที่สามารถใช้แสงไฟฟ้าช่วยให้เกิดความสวยงามได้ สระน้ำควรจะได้รับแสงพอควร โดยเฉพาะ ถ้าอยู่ในสภาพรำไร เช่น มีไม้ใหญ่ให้ร่มก็จะดีมากแต่ต้องเป็นไม้ที่ไม่ผลัดใบ
สภาพดิน เป็นสภาพที่มีผลต่อการขุดการก่อสร้าง ถ้าเป็นดินถมใหม่ยังไม่อัดตัวแน่นพอ จะทำให้เกิดการยุบตัว สระน้ำ แตกร้าวได้ ถ้าเป็นดินทรายหรือดินร่วนก็อาจพิจารณาตอกเสาเข็มก่อนเทพื้นคอนกรีต แต่ถ้าเป็นดินเหนียว หนัก ก็อาจ ไม่ต้องตอกเสาเข็ม ถ้าเป็นดินเหลวดินโคลนก็ต้องพิจารณาเสริมความอยู่ตัว เช่น อาจใช้เศษวัสดุ หิน เศษอิฐ เศษปูน รองอัดก้นสระจะทำให้พื้นสระแน่นผูกเหล็กทำโครงได้ง่าย
ระดับน้ำใต้ดิน จะมีผลต่อการรั่วซึมของน้ำในสระเช่นกัน ถ้าระดับน้ำใต้ดินสูง คือขุดลงไปไม่มากนัก สภาพของดินชื้น หรือ แฉะ ลักษณะนี้สามารถช่วยลดการรั่วซึมของน้ำในสระได้ เพราะน้ำใต้ดินจะช่วยดันน้ำในสระไว้ แต่ถ้าเป็นดินถมใหม่ เมื่อ ทำสระมีระดับน้ำใต้ดินอยู่ลึก ถ้าการทำสระที่ไม่ป้องกันการรั่วซึมเอาไว้ให้ดีอาจมีปัญหาได้
ระดับดิน เป็นระดับผิวพื้นโดยรวมของสนาม ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาว่าจะให้สระอยู่ในระดับเท่ากัน ต่ำกว่า หรือ สูงกว่าระดับของพื้นสวน เพื่อตอนก่อสร้างจะได้กำหนดเผื่อเอาไว้ เพราะการจัดสวนโดยทั่วไปนั้น ควรทำสระน้ำก่อน ที่จะ ปรับระดับดินเพื่อปลูกต้นไม้ ปูหญ้า
น้ำพุในสวน
รูปแบบของน้ำพุขึ้นอยู่กับหัวน้ำพุที่คิดประดิษฐ์ขึ้น มีมากมายหลายแบบหลายขนาด หัวของน้ำพุส่วนใหญ่ทำจากพลาสติก และวัสดุ กึ่งทองเหลือง หัวน้ำพุที่ทำจากวัสดุกึ่งทองเหลืองจะทนทาน ราคาค่อนข้างแพง ส่วนหัวที่ทำจากพลาสติก ราคาถูกมักใช้ ตามบ้านพัก ทั่วไป เมื่อหัวของน้ำพุแตกต่างกันก็ทำให้น้ำที่พุ่งออกมามีรูปแบบที่แตกต่างกันด้วย บางแบบก็เพียงแต่พุล้น (ไหลล้น) บางแบบ น้ำพุพุ่งขึ้นที่พุพุ่งขึ้นก็มีหลายแบบ เช่น พุเป็นเส้นตรง พุเป็นชั้นๆ บางแบบก็เป็นรูปพีระมิด รูปดอกไม้
การเลือกใช้ น้ำพุ จะต้องสัมพันธ์กับขนาดของบ่อหรือสระน้ำ โดยทั่วไปเลือกน้ำพุที่มีความสูงไม่เกินรัศมีของบ่อหรือสระน้ำ เพื่อ ไม่ให้น้ำกระเซ็นออกนอกสระ หากเราซื้อจากร้านตัวแทนจำหน่ายก็จะมีคู่มือติดมาด้วย ซึ่งจะให้ข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับ ความสูง ของน้ำพุ เส้นผ่านศูนย์กลางของวงน้ำพุความลึกของสระที่ควรติดตั้งน้ำพุแบบนั้นๆ ในที่นี้จะกล่าวถึงเรื่องทั่วไป ในการพิจารณา การทำน้ำพุ ซึ่งมีดังนี้
ก่อนตัดสินใจทำบ่อน้ำพุ ควรจะมีข้อมูลเกี่ยวกับขนาดของน้ำพุที่สามารถหาซื้อได้ เพราะขนาดของบ่อน้ำต้อง สัมพันธ์กับ รูปทรง ขนาด ความกว้างความสูงของน้ำพุ
ถ้าเป็นหัวน้ำพุที่มีปั๊มต่อสำเร็จรูปก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าต้องใช้ปั๊มต่อแยกต่างหากต้องเลือกปั๊ม ที่มีกำลังเหมาะสมกับขนาด ของหัวน้ำพุ ซึ่งก็มีทั้งปั๊มที่แช่ลงในน้ำที่เรียกว่าปั๊มไดรโว่ และปั๊มที่อยู่นอกสระเรียกว่าปั๊มหอยโข่ง โดยส่วนใหญ่ น้ำพุ ประกอบสวนหย่อมมักใช้ปั๊มไดรโว่มากกว่า เพราะติดตั้งได้ง่าย ราคาถูกกว่า แต่สระหรือบ่อต้องลึกพอที่จะวางปั๊มได้จม
ตำแหน่งของน้ำพุ จะมีผลต่อรูปแบบน้ำพุด้วย เช่น ถ้าเป็นตำแหน่งที่ลมแรงก็ต้องเลือกน้ำพุที่มีรูปทรงต่ำดีกว่ารูปทรงสูง เพื่อไม่น้ำปลิวออกนอกสระ
หัวน้ำพุมักอุดตันได้ง่าย จึงควรมีระบบกรองน้ำด้วย อาจจะต้องมีบ่อกรองหรือซื้อเครื่องกรองสำเร็จรูปมาใช้ซึ่งก็มีหลายขนาด แต่ถ้าไม่มีระบบกรองก็ต้องวางตัวปั๊มหรือหัวดูดน้ำให้สูงใกล้ผิวน้ำ ไม่ให้ดูดฝุ่นและตะกอนเข้าไปมาก
หัวน้ำพุควรติดตั้งให้โผล่พ้นระดับผิวน้ำพองาม เพราะถ้าสูงไปจะไม่สวย ถ้าต่ำไปเมื่อน้ำกระเพื่อมจะท่วมหัวน้ำพุ ทำให้รูปทรงน้ำพุเสียไป
การติดตั้งระบบน้ำพุที่ต้องพิจารณาคือให้แกนและหัวน้ำพุตั้งตรงได้ฉากกับผิวน้ำมีความมั่นคง ไม่โยกคลอนไปตามแรงน้ำ ตัวปั๊ม ติดตั้งให้สะดวกกับการถอดออกและใส่กลับคืน ตัวปั๊มและสายไฟต้องวางอย่างแนบเนียน คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
ระบบการหมุนเวียนของน้ำพุ สามารถเอื้อประโยชน์ในด้านการกรองน้ำ การทำความสะอาดบ่อ เช่นการระบายน้ำทิ้ง การสูบน้ำ กลับเข้าบ่อ ผู้จัดทำจึงต้องกำหนดผังการต่อระบบน้ำให้ชัดเจน
รูปแบบของน้ำตก
รูปแบบธรรมชาติ เป็นน้ำตกที่สร้างขึ้นจากลักษณะของน้ำตกในธรรมชาติ หากแต่เป็นธรรมชาติที่ได้ผ่านการกลั่นกรอง ดัดแปลงให้เกิดความเหมาะสม จุดสำคัญของน้ำตกแบบธรรมชาติขึ้นอยู่กับรูปแบบของภูเขา ลักษณะการเรียงหิน การเลือก รูปทรง และชนิดของหิน รวมทั้งองค์ประกอบอื่นๆ ที่นำมาสร้างให้เป็นเรื่องราวของน้ำตกแบบธรรมชาติ
รูปแบบประดิษฐ์ เป็นน้ำตกที่ก่อสร้างได้ง่ายกว่าแบบธรรมชาติ รูปแบบของน้ำตกแบบนี้จะเป็นลักษณะ จงใจให้เกิดเป็น เชิงชั้น ที่ชัดเจนสามารถก่อสร้างเป็นรูปแบบต่างๆ สุดแต่จะออกแบบสร้างสรรค์อย่างไร ซึ่งก็ดูสวยงามประณีต ในเชิงงาน ศิลปะ อาจไม่จำเป็นต้องใช้หินประกอบเลย ก่อสร้างโดยการตีแบบหล่อด้วยซีเมนต์ ซึ่งมีขั้นตอนที่ทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน
ทั้งสองรูปแบบหากเป็นน้ำตากขนาดใหญ่หรือจะต้องเลี้ยงปลาโดยเฉพาะปลาคาร์พจำต้องมีระบบกรองน้ำด้วย ระบบกรองน้ำไม่ว่า จะกรองด้วยเครื่องกรองหรือทำเป็นบ่อกรองจะช่วยให้ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำและทำความสะอาดบ่อบ่อยๆ
Image by inno kurnia from Pixabay