สาวออฟฟิศส่วนใหญ่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกรุงหรือนอกกรุง ช่วงเช้าตื่นมาเป็นเวลาที่ต้องเร่งรีบสุดๆ ส่วนใหญ่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อรีบเร่งปฏิบัติภารกิจประจำวัน นั่นก็คือ เข้างานตอกบัตรให้ทันเวลา จากนั้นก็ต้องนั่งติดเก้าอี้กับโต๊ะทำงานนานวันละ 8 -10 ชั่วโมงอยู่เสมอ บางคนรีบมากถึงขนาดหิวก็ยอม รอกินรวดเดียวได้สองมื้อในตอนกลางวัน แต่ขอฉันเข้าออฟฟิศก่อนเถอะ แล้วค่อยมาบรรจงแต่งหน้าสวยทีหลัง ลืมใส่ใจกับการบำรุงผิวพรรณ เคยคิดไหมว่าพฤติกรรมเช่นนี้ล่ะ นอกจากจะทำให้กล้ามเนื้อผิวอ่อนล้าแล้ว ยังจะเป็นผลในทางลบต่อผิวบอบบางอีกด้วย
ผลกระทบต่อผิวเมื่ออยู่ในห้องแอร์นานๆ
ปกติแล้วการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่ใช้กันอยู่เรามักจะปรับอุณหภูมิเดี๋ยว ลดเดี๋ยวเพิ่มกันเป็นว่าเล่น โดยที่ไม่สามารถปรับความชื้นได้ ทำให้อากาศในห้องแอร์ขาดความชุ่มชื้น จากนั้นผิวกายก็จะค่อยๆแห้งทีละนิด จนกระทั่งแตกลาย นั่นแสดงว่าผิวเสียความชุ่มชื้นไปแล้ว
เมื่อผิวแตกลายได้ไม่นานก็จะลอกออกได้เป็นชั้นผิวบางๆ อาจจะทำให้รู้สึกเกิดอาการคัน ใครไม่เข้าใจคิดว่าติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา รีบหาซื้อสบู่ยามาขัดๆ ถูๆ ผิวก็เลยแห้งหนักเข้าไปใหญ่ กลายเป็นว่าระคายเคืองผิว
ป้องกันและดูแลผิวแห้ง
วิธีที่ง่ายที่สุดเลยก็คือ หาซื้อครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวดีๆ สักยี่ห้อ ชโลมผิวให้ทั่วตัวทุกเช้าหลังอาบน้ำ โดยเฉพาะบริเวณแขน ขา ที่อยู่นอกร่มผ้านั่นแหละสำคัญสุด
การอาบน้ำบ่อยๆ หรือนอนแช่น้ำในอ่างน้ำอุ่นอันแสนสบายนานๆ ก็มีส่วนทำให้ผิวแห้งได้เช่นกัน ถ้าคิดจะนอนแช่น้ำในอ่าง ควรหยดความชุ่มชื่นจากธรรมชาติในแบบ AROMA OIL เพื่อถนอมผิวนุ่มนวลเอาไว้ แถมยังได้รีแลกซ์กับกลิ่นหอมในแบบที่ชอบ
ควรใช้น้ำอาบในอุณหภูมิที่ไม่ร้อนจน เกินไป เพราะน้ำอุ่นมักจะทำให้ผิวขับน้ำมันออกมามากเกินไป
เลือกใช้สบู่หรือครีมอาบน้ำชนิดที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
ส่วนห้องทำงานถ้าจะให้ดีควรเพิ่มความชื้นในห้องแอร์ ด้วยการปลูกต้นไม้ เลี้ยงพลูด่างในโหลแก้วใบสวย เลี้ยงปลาตู้งามๆ หาภาชนะบรรจุน้ำมาตุน ไว้ในห้อง จะช่วยเพิ่มความสดใสให้บรรยากาศการทำงานร่มรื่นชื่นตาอีกต่างหาก
หรือเลือกที่จะดื่มน้ำสะอาดให้มากถึงวันละ 8 – 10 แก้ว ก็จะเป็นอีกทางที่จะช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ดูมีน้ำนวล เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพที่ดีด้วย