Henry the Fifth เป็นบทละครโรมานช์อิงประวัติศาสตร์ของเชคสเปียร์ (ค.ศ.1564-ค.ศ.1616) เริ่มเรื่องในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในอังกฤษ และฝรั่งเศส แสดงครั้งแรกในค.ศ.1600 เชคสเปียร์ได้ใช้ความสามารถในการประพันธ์ การคัดเลือกเรื่อง และสาระประวัติศาสตร์มาเขียนยกย่องทั้งประเทศ และชาวอังกฤษอย่างกลมกลืน ทั้งนี้เพราะพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ทรงเป็นตัวแทนของกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่มีความเด็ดขาด มีพระสติปัญญา และมีความอ่อนโยนที่แฝงความเข้มแข็งอดทน การเสด็จไปทำสงครามที่อาแชงกูร์ (Agincourt) ในวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ.1415 นับเป็นการเปิดฉากสงครามร้อยปี (The Hundred Years’ War:1337-1453) ขึ้นมาใหม่ผลของสงครามคือชัยชนะที่งดงามมากครั้งหนึ่งของอังกฤษ
สงครามเกิดขึ้นจากการที่พระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ ทรงอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ฝรั่งเศส ทรงส่งกองทัพบุกฝรั่งเศสก่อนที่จะถอยมาตั้งหลักใหม่ที่เมืองกาเล (Calais) ทหารของพระองค์ที่มีเพียงทหารใช้อาวุธเบาคือธนู14,000 คน สู้รบกับทหารของกษัตริย์ชาร์ลส์ อัลเบิร์ต 50,000 คน ที่เป็นกองทหารหลัก ในระหว่างการเดินทัพนั้น ทหารฝรั่งเศสเดินส่วนใหญ่เดินติดหล่มในสนามรบ ตกเป็นเป้าของทหารธนูอังกฤษ ทหารฝรั่งเศสเสียชีวิตถึง 5,000 คน ขณะที่อังกฤษเสียทหาร 200 คน พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 ที่รบชนะอังกฤษในสงครามร้อยปีสมัยแรกกลับต้องยินยอมรับรองพระเจ้าเฮนรีที่ 5 เป็นรัชทายาทราชบัลลังก์ฝรั่งเศส
เนื้อเรื่องย่อ Henry the Fifth
เชคสเปียร์บรรยายการวางพระองค์ของพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ว่า ไม่ทรงแสดงความเป็นกษัตริย์ผู้สูงส่งเหนือมนุษย์ พระองค์ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าความแตกต่างระหว่างพระองค์กับประชาชนนั้น มีเพียงการที่พระองค์ได้ทรงเข้าสู่พระราชพิธีราชาภิเษก และได้อยู่ในวัง ความอ่อนโยนในฐานะพระมหากษัตริย์ของอังกฤษเป็นผลให้ผู้ที่ได้อ่าน หรือได้ชมละครเรื่องนี้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อชาวอังกฤษโดยรวม โดยเฉพาะการที่ผู้แต่งบทละครนี้พยายามเน้นว่า ความอ่อนน้อมถ่อมตนของผู้ยิ่งใหญ่คือ คุณสมบัติสำคัญที่จะทำให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น ผู้อ่านจะพลอยมีส่วนสัมผัสความรู้สึกหยิ่งทะนงของคนอังกฤษ เห็นความเป็นชาวอังกฤษ และพลอยมีความซาบซึ้งในมรดกอารยธรรมของชาวอังกฤษด้วย
เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ผู้ทรงเป็นพระโอรสของพระเจ้าเอดเวิร์ดที่สาม แห่งอังกฤษ ทรงอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ฝรั่งเศส ผู้ที่ถวายคำแนะนำในเรื่องนี้คืออาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรีกับบิชอปแห่งอีลี (Ely) ทางฝรั่งเศสโดยองค์รัชทายาทคือพระโอรสพระองค์ใหญ่ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 เนื่องจากองค์รัชทายาทไม่ได้ทรงตื่นเต้นกับการเรียกร้องของเฮนรีมากนัก พระองค์เห็นว่า เฮนรีเป็นเพียงคนหนุ่มใจร้อนหัวรุนแรงคนหนึ่งเท่านั้น ทั้งคงไม่กล้าเปิดฉากสงครามร้อยปีครั้งใหม่ขึ้นมาอีกแน่ๆ ดังนั้นเพื่อแสดงความไม่ใส่ใจ และแสดงว่าการร้องขอของเฮนรีเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น องค์รัชทายาทจึงส่งลูกเทนนิสมาถวายเฮนรีลูกหนึ่ง
เมื่อเฮนรีได้รับลูกเทนนิสก็กริ้วมาก ทรงสั่งทูตไปทูลรัชทายาทฝรั่งเศสว่า ให้ระวังลูกเทนนิสจะกลายเป็นลูกปืนที่พระองค์จะใช้ยิงฝรั่งเศส เพราะพระองค์ได้ทรงเตรียมกำลังทหารที่จะบุกฝรั่งเศสทันที องค์รัชทายาทแห่งฝรั่งเศส ยังไม่รู้สึกรู้สมจากการที่ฝรั่งเศสเคยรบชนะในสงครามร้อยปีช่วงแรก พระองค์จึงประมาทว่า อังกฤษไม่น่าจะเก่งกาจเหนือฝรั่งเศสไปได้
เฮนรีทรงส่งกองทัพไปขึ้นบกเพื่อยึดฮาร์เฟลอร์ (Harfleur) และยังขู่ว่าจะทำลายเมืองนี้ให้ราบ และจะทำร้ายประชาชนด้วยหากไม่ยอมแพ้เสียดีๆ เจ้าเมืองตกใจมากเพราะกองทัพที่ขอให้รัชทายาทฝรั่งเศสส่งมาก็มาไม่ถึง ชาวฝรั่งเศสทั่วไปก็ตกใจที่กองทัพอังกฤษรุกเร็วมาก แต่กษัตริย์ฝรั่งเศสกลับไม่หวั่นเกรง พระองค์ส่ง Montjoy มายื่นคำขาดให้อังกฤษถอยทัพ และเสียค่าปรับให้ฝรั่งเศส เฮนรีจึงตอบกลับไปว่า ถ้าชาร์ลส์ต้องการตัวพระองค์ ชาร์ลส์ก็ต้องส่งทหารฝรั่งเศสมาจับเอง
เมื่อเริ่มการรบที่Agincourtในตอนเช้านั้น ทหารอังกฤษมีน้อยกว่าทหารฝรั่งเศสถึงห้าต่อหนึ่ง ทั้งยังเป็นการรบบนพื้นดินของฝรั่งเศสที่ทหารอังกฤษไม่เคยชินทั้งภูมิประเทศ และภูมิอากาศ กษัตริย์เฮนรีจึงทรงหากุศโลบายยืมเสื้อคลุมมาหนึ่งตัว ทรงเดินท่อมๆ ไปตามเตนท์ทหารเตนท์แล้วเตนท์เล่า พระองค์ตรัสกับเหล่าทหารว่า กษัตริย์ก็เหมือนกับทหารคนอื่นๆ และพระองค์เป็นกษัตริย์ที่จะไม่ทิ้งทหารของพระองค์เด็ดขาด
ในตอนเช้าของการรบจึงปรากฎว่าทหารอังกฤษเตรียมพร้อม แม้จะต้องสูญเสียเลือดเนื้อ ขณะที่ทหารฝรั่งเศสเต็มไปด้วยความผยองว่าจะต้องชนะศัตรูแน่นอน ฝ่ายทูตมองต์จอยจากองค์รัชทายาทก็มาเฝ้าพระเจ้าเฮนรี เขากราบบังคมทูลว่าเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะทรงยอมแพ้ แต่เฮนรีทรงปฏิเสธ พระองค์ตรัสกับทหารว่า การที่อังกฤษมีจำนวนน้อยกว่าหากเอาชนะฝรั่งเศสที่มีกำลังมากกว่า จะได้รับเกียรติจากชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าแน่นอน
การรบเริ่มขึ้นในวันต่อมา เฮนรีทรงนำทัพด้วยพระองค์เอง ทหารอังกฤษรบด้วยความเป็นทหารอาชีพ และรบเพื่อเกียรติยศของประเทศอังกฤษ ขณะที่ฝ่ายฝรั่งเศสกลับใช้เชลยศึกที่เคยแพ้สงครามตนมาเป็นแนวหน้า เฮนรีจึงทรงสั่งทหารอังกฤษให้ทำลายกองทัพหน้านั้นให้ได้ ในที่สุดกำลังรบของอังกฤษจึงสามารถรุกฝ่าเข้าถึงกองทัพหลวงของฝรั่งเศส ทูตมองต์จอยเห็นว่าฝรั่งเศสต้องแพ้แน่ เขาขอเจรจาสงบศึกเพื่อฝังศพชาวฝรั่งเศสก่อน เฮนรีไม่ขัดข้อง และยังได้ทรงรับทราบว่าทหารฝรั่งเศสเสียชีวิตถึง 10,000 คนขณะที่อังกฤษเสียทหารเพียง29 คน
ในที่สุด สงครามก็ยุติลง เฮนรีได้เจรจาสงบศึกกับกษัตริย์ฝรั่งเศส และทรงพบพระธิดาสาวสวยของชาร์ลส์คือเจ้าหญิงแคเทอรีน ทั้งสองตกหลุมรักซึ่งกัน และกัน แม้ว่าแคเทอรีนจะรู้เรื่องเกี่ยวกับอังกฤษไม่มากนัก ส่วนเฮนรีก็รู้เรื่องฝรั่งเศสน้อยมาก ทั้งสองสามารถเข้าใจกันด้วยภาษาเดียวกันคือภาษารัก เจ้าหญิงแห่งฝรั่งเศสจึงกลายมาเป็นเจ้าหญิงเคทแห่งอังกฤษ หลังจากที่ได้ทรงเป็นเจ้าสาวของเฮนรีแล้ว