จิตวิทยาทางเพศ

รักพิสดาร

รักพิสดารในที่นี้หมายถึงพฤติกรรมที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ เบี่ยงเบนออกไปจากปรกติ มีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนกระทั่งถึงกามวิตถาร โดยมีเวลา และสถานที่เป็นตัวแปร (โอ้โฮ! ภาษาศาสตราจารย์เชียวนะเนี่ย)

สมัยก่อนผู้หญิงไทยห่มผ้าแถบ เปิดเผยเนินอกอวบอิ่มน่าซุกไซ้ เพราะสมัยก่อนนิยมผู้หญิงมีเนื้อมีหนัง ผิดกับสมัยนี้นิยมผู้หญิงอรชรอ้อนแอ้น ดูบอบบางน่าทะนุถนอมเหมือนแก้วคริสตัล พวกสายเดี่ยว เกาะอกจึงให้ความรู้สึก “ดูแต่ตา มืออย่าต้อง ของจะเสีย” มากกว่า นอกจากนี้ผู้หญิงไทยสมัยก่อนเน้นความคล่องตัวและหลักปฏิบัติ ฉะนั้นพอมีลูกเธอจึงทิ้งผ้าแถบเสียเลย พร้อมที่จะบริบาลลูกตลอด 24 ชม ตรงกันข้ามกับสาวบาหลีสมัยก่อน เธอจะเปลือยอกก่อนแต่งงาน พอแต่งงานแล้วจึงค่อยใส่เสื้อใส่แสง ทำให้ผู้ปกครองบ้านเมืองอิหลักอิเหลื่อเวลามีแขกบ้านแขกเมืองมาเยี่ยม ครั้งหนึ่งผู้ปกครองบ้านเมืองมีคำสั่งให้ผู้หญิง ที่จะไปเข้าแถวต้อนรับแขกเมืองหาทางปกปิดดอกบัวตูมของพวกเธอเสียบ้าง เมื่อได้เวลาที่แขกเมืองมา หญิงสาวทั้งหลายไปยืนเข้าแถวต้อนรับกันตามปรกติ ครั้นพอแขกเมืองลงจากเครื่องบิน เดินผ่านแถวสาวบัวตูมเหล่านี้ เธอทุกคนพร้อมใจกันก้มลงดึงชายผ้านุ่งที่นุ่งอยู่ขึ้นมาปิดเสียมิดชิด ไม่ใช่เฉพาะดอกบัวเท่านั้น แต่ยกสูงขึ้นมาปิดแม้แต่หน้าตาก็ไม่มีโอกาสเห็น เหลือแต่หน้าตาข้างล่างที่ทักทายแขกเมืองด้วยวิธีพิสดาร

สมาคมอาบแดดก็เป็นอีกที่หนึ่งที่มักจะมีเรื่องพิสดารเกิดขึ้นเสมอ การเปลือยกายภายในสมาคมถือเป็นเรื่องปรกติ แต่ถ้าใครเข้าไปในสมาคมแล้วสวมใส่เสื้อผ้ากลับถือเป็นเรื่องผิดปรกติ เรื่องพิสดารที่เกี่ยวกับคนไทยก็มีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งศาสตราจารย์ดอกเตอร์คนไทยคนหนึ่งที่ไปตั้งรกรากอยูเมืองนอก ได้รับเชิญจากสมาคมอาบแดดให้ไปบรรยายเรื่องสุขภาพ กับการอาบแดด ศาสตราจารย์ท่านนี้คิดไม่ตกว่าจะแต่งตัวอย่างไรดี แต่คิดถึงคติที่ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วให้หลิ่วตาตาม จึงเปลือยกาย ใส่แต่รองเท้า ถือแฟ้มเดินเข้าห้องประชุมไปด้วยมาตรมั่นใจเต็มที่ พอโผล่เข้าไป ปรากฏว่าผู้ฟังทุกคนใส่สูททั้งหญิง และชาย ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่บริการน้ำ ผู้ฟังทุกคนก็แสนดี ให้เกียรติลุกขึ้นยืนปรบมือต้อนรับ พร้อมทั้งชมเชยว่าท่านศาสตราจารย์ทำถูกแล้ว เพราะเท่ากับทั้งสองฝ่ายต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ศาสตราจารย์จึงจำใจต้องบรรยายไปอย่างทุลักทุเล เรื่องยังไม่จบแค่นี้ เพราะพอบรรยายจบ ก่อนออกจากห้องมีผู้ฟังคนหนึ่งตรงเข้ามาถามเป็นภาษาไทยว่า “คนไทยหรือป-ล่-า-ว” ยังความฉงนฉงายให้กับท่านศาสตราจารย์ว่ารู้ได้อย่างไรในเมื่อทั้งชื่อ และนามสกุลก็ใช้เป็นคนอังกฤษ สำเนียงนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะท่านพูดได้ชัดไม่มีสำเนียงของคนต่างชาติแม้แต่น้อยนิด ท่านล่ะถ้าได้อยู่ในที่เกิดเหตุจะรู้ไหมว่าท่านศาสตราจารย์เป็นชายไทย

มนุษย์เรามีสัญชาตญาณของความอยากรู้อยากเห็นมาก เมื่อประมาณ สามสิบปีมาแล้ว ที่งานพระบาทสระบุรีมีคนสมองใสหากินกับสัญชาตญาณข้อนี้ โดยตั้งเป็นเต๊นท์ ที่หน้าเต๊นท์มีผู้ร้องเชิญชวนว่า “เร่เข้ามา เร่เข้ามาครับ ล้วง 5 ล้าง 10” คนที่เดินผ่านไปมาจะหยุดด้วยความสงสัยว่า ล้วงอะไร ล้างอะไร คนเชิญชวนก็จะเชิญให้ซื้อตั๋วเข้าไปค้นหาคำตอบเอาเอง ทางเข้าเป็นแถวเรียงหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่คอยจัดให้เข้าไปได้ทีละคน เสียค่าล้วงคนละ 5 บาท ตำแหน่งที่ให้ล้วงเป็นช่องอยู่ที่ผนังกว้างขนาดพอมือลอดเข้าไปได้ พอล้วงเข้าไปปรากฏเป็นน้ำเชื่อมเหนียวเหนอะหนะ เมื่อชักมือออกมาเจ้าหน้าที่ก็จะพาไปล้าง เสียค่าล้างอีก10 บาท แต่ละคนไม่มีโอกาสเห็นพฤติกรรม “ล้วง” หรือ”ล้าง” ของคนก่อนหน้านั้น นัยว่าเก็บเงินไปได้มากมายก่อนที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะมาจัดการให้ยุติ เพราะเข้าข่ายหลอกลวง

สัญชาตญาณข้อนี้อีกเหมือนกันที่ทำให้คนเราเกิดความอยากดูในสิ่งที่เจ้าของเขาปกปิด ไม่อยากให้ดู ชนิดที่เปิดเผยอยากให้คนดูเยอะๆ ก็ไม่ยอมซื้อตั๋วเสียสตางค์เข้าไปดู กลับไปทำลับๆ ล่อๆ แอบซุ่มดูเป็นมนุษย์ถ้ำมอง บางคนถ้ำมองแม้แต่กับเมียของตัวเองทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นเลยสักนิด พวกชอบถ้ำมอง (Voyenrism) จะเกิดอารมณ์อย่างว่าก็ต่อเมื่อได้แอบดูผู้หญิงเปลื้องผ้า ผู้หญิงอาบน้ำในห้องน้ำ ฯลฯ ปรกติพวกนี้มักจะขี้อาย ขาดเพื่อน และมีปัญหาทางเพศอย่างรุนแรง

พวกตรงข้ามกับพวกแอบดูของคนอื่นคือพวกชอบให้คนอื่นดูของตัว เป็น พวกชอบโอ้อวด (Exhibitionism) ไม่ใช่อวดเพราะของตัวเองไม่ธรรมดา แต่อวดเพราะถ้ามีเหยื่อเห็นเข้า ความตกอกตกใจของเหยื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวทั้งหลายจะเป็นตัวไปกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ฉะนั้นส่วนใหญ่เมื่ออวดแล้วก็มักจะไป hand made ด้วยตัวเอง

ในโรงเรียนประจำ หอพักผู้ชายจะมีพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่เพื่อนฝูงบังคับให้มีการโอ้อวด ประกวดประขันว่าของใครจะใหญ่ที่สุด ผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้จะได้รับฉายาว่า จ้าวโลกบ้าง จ้าวมังกรบ้าง นางพญางูเห่าฟ้าบ้าง หรือนางพญาผึ้งหงอยบ้าง แล้วแต่จะตั้งกัน พวกนี้ไม่จัดว่าเป็นพวกชอบโอ้อวด เพราะไม่ได้อวดเอง และไม่ได้อวดเพื่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศ แต่ถูกคนอื่นบังคับให้อวด

พวกชอบโอ้อวดจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิงที่ชอบแต่งกายเปิดเผยไม่จัดว่าเป็นพวกชอบโอ้อวด สมัยก่อนการแต่งกายประเภทอวดรูปทรงองค์เอวตัวเองมีน้อยมาก ยิ่งสมัยวิคตอเรีย การแต่งตัวของผู้หญิงเป็นหินขัดมัน เสื้อคอจะต้องมีปก และปิดขึ้นไปถึงคาง กระโปรงยาวลากดิน อย่าหวังว่าจะได้เห็นปลีน่อง แม้แต่ตาตุ่มก็ยากที่จะเห็น อะไรที่เฉียดใกล้เข้าไปในเรื่องของสรีระ เป็นสิ่งต้องห้าม ถึงกับมีเรื่องเป็นข่าวคึกโคมว่า สาวสวยนางหนึ่งไปถ่ายโฆษณา ผู้จ้างบอกว่าไม่ต้องทำอะไร แค่แต่งตัวสวยๆออกมายิ้มหวานเท่านั้น ผลปรากฏว่าพอภาพโฆษณาออกมา กลายเป็นว่าเธอโฆษณาผ้าอนามัย เท่านั้นแหละ เธอรู้สึกอับอายถึงกับจบชีวิตตัวเองลงอย่างน่าสงสาร ถ้าเธอมีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบัน คงไม่ต้องฆ่าตัวตาย แต่ตาย เพราะความตกใจที่เห็นโฆษณานักเรียนสาวแสดงอาการบ้องตื้นในชั้นเพียง เพื่ออยากโชว์รักแร้ขาวของเจ้าหล่อนเท่านั้นเอง

พวกนิยมเพศตรงข้าม พวกนี้ไม่พอใจตนเอง ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี ในสิ่งที่ตนเป็น ทำนองหญ้าฝั่งตรงข้ามจะเขียวกว่าฝั่งของตนเสมอ พวกนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
พวกไม่พอใจในเพศตนเอง (Transsexualism) เป็นพวกที่มีความรู้สึกว่าเพศตรงข้ามดีกว่า เหมาะกับตนมากกว่า จิตอยู่ผิดร่าง ไม่มีความสุขจนกว่าจะได้แปลงเพศ มีหลายๆ คนที่กว่าจะค้นพบความทุกข์ทรมานของตนว่าเกิดจากสาเหตุอะไรก็ต่อเมื่อได้แต่งงานมีลูกเมียแล้ว การแปลงเพศนอกจากจะมีความยุ่งยากทางกฏหมายแล้วยังมีเรื่องทางสภาพจิต และทางสังคมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พวกแปลงเพศจึงต้องมีการเตรียมตัวก่อน เตรียมตัวในที่นี้หมายถึงเตรียมคนรอบข้าง คนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ลูก เมีย พ่อ แม่ ญาติ เพื่อนฯลฯให้รับรู้ และยอมรับ มีหลายคนที่แปลงเพศไปแล้วประสบผลสำเร็จ มีความสุข แม้แต่ประเทศไทยเราก็มีนักมวยแปลงเพศ เป็นที่เอ็นดูของคนทั่วไปทั้งก่อนและหลังแปลงเพศ

พวกนิยมเสื้อผ้าเพศตรงข้ามนิยม (Transvestism) เป็นพวกชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเพศตรงข้ามเพราะนำไปสู่การเกิดอารมณ์ทางเพศ ถ้าแต่งด้วยสาเหตุอื่นไม่จัดอยู่ในประเภทนี้ เช่น พวกนักแสดง นายแบบ นางแบบ หรือแม้แต่เด็กผู้หญิงโดยเฉพาะวัยรุ่นที่ไม่ยอมสวมกระโปรง เกิดจากความเคยชิน ความคล่องตัวมากกว่า พ่อ แม่จึงไม่ควรวิตกว่าลูกหลานท่านกำลังจะก้าวเข้าสู่ประตูทอม เมื่อเป็นนักศึกษาหรือทำงานก็จะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์เอง ความผิดปรกติประเภทนี้มักเกิดกับผู้ชายมากกว่า ชอบใส่ชุดชั้นในประเภทบางเบา ทำด้วยลูกไม้สวยงาม เมื่อสวมใส่ก็จะ hand made ตัวเองไปด้วย หรือสวมใส่เพื่อที่จะได้เกิดอารมณ์หลับนอนกับภรรยาหรือคู่นอนของตน แต่จะไม่แต่งออกมาอวดโฉมให้ปรากฏแก่ชาวประชาทั้งหลาย ฉะนั้นบรรดาประเทืองทั้งหลายที่เห็นแต่งหน้าทาปาก ใส่เสื้อรัดรูป เสื้อลูกไม้ เสื้อผ้ามันแวววาว ผ้าสะดิ้ง เดินบิดก้น ส่ายสะโพกฯลฯ ที่เห็นอยู่ทั่วไปไม่ใช่ประเภทนี้

พวกโทรศัพท์ลามก (Obscure phone calls) หมายถึงโทรศัพท์ถึงผู้อื่นด้วยคำพูดที่หยาบคายลามก ไม่ใช่โทรศัพท์พิสดารที่ใครหยิบขึ้นมาโทรแล้วจะกลายเป็นคำพูดลามกไปหมด พวกนี้มีทั้งประเภทเป็นโรครักพิสดารชนิดนี้จริงๆ กับแกล้งเป็นด้วยความสนุกสนาน พวกเป็นจริงก็เหมือนกับพวกชอบโอ้อวด เสียงตกอกตกใจ ความโกรธจะเป็นตัวยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศ บางครั้งเกิดอารมณ์ถึงกับต้อง hand made ไปด้วย ส่วนพวกจอมปลอม อารมณ์ที่เกิดคือความสนุกเท่านั้น พวกของจริงจะไม่เกี่ยง เหยื่อจะเป็นใครก็ได้ จิ้มโทรส่งเดช หรือเปิดหาเอาจากสมุดโทรศัพท์ ถ้าเหยื่อไม่ก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศก็จะโทรหาเหยื่อรายต่อไป ส่วนพวกจอมปลอมมักจะโทรหาคนที่รู้จัก โดยเฉพาะเด็กสาวไร้เดียงสา สาวขึ้นคาน แม่หม้ายฯลฯ ปฏิกิริยาของเหยื่อเป็นความสนุก เป็นโรคจิตอีกชนิดหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับรักพิสดาร ทั้งสองพวกนี้ถ้าผู้รับโทรศัพท์ควบคุมสติ ไม่แสดงอาการตกอกตกใจ หรือกลัวหลุดลอดออกไปทางโทรศัพท์ สนองตอบอารมณ์ของผู้โทร ผู้โทรก็จะเลิกโทรไปเอง ตรงกันข้ามถ้ายิ่งไปโกรธ ด่ากลับ กระแทกหูโทรศัพท์ หรือแม้แต่ขู่ว่ามีเครื่องดักจับเบอร์ต้นสาย พวกนี้ก็จะไม่กลัวเพราะมักจะโทรจากโทรศัพท์สาธารณะ และเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ

พวกชอบเด็ก (Pedophilia) คนส่วนใหญ่ชอบเด็ก แต่ชอบในที่นี้หมายถึงชอบแบบรักพิสดาร ที่พูดกันติดปากคือพวกชอบทำมิดีมิร้ายกับเด็ก ที่จริงไม่ถูกเพราะเป็นการกระทำไม่ดีอย่างเดียว และร้ายมาก ถ้าทำไม่ดีและไม่ร้าย ก็เจ๊ากันไป เพราะฉะนั้นก็ทำได้ตามคติของพวกหื่นกามทั้งหลาย พวกรักพิสดารประเภทนี้จะเกิดอารมณ์เฉพาะกับเด็ก และกระทำซ้ำๆ เด็กในที่นี้หมายถึงอายุต่ำกว่า 13ปี ส่วนพวกชายใหญ่ใจบุญทั้งหลายที่ชอบสงเคราะห์เลี้ยงดูอีหนูพุกตัวโตๆหรือพวกชรานาคะเศียร ไม่จัดอยู่ในประเภทนี้

พวกชอบความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวดทรมานบางทีก็เป็นความสุขได้ในหลายๆเรื่อง ไม่เชื่อลองถามพวกเจาะหู จมูก ปาก สะดือฯลฯ ดู ล้วนต้องทนความเจ็บปวดกันทั้งนั้น หลังจากนั้นจึงตามมาด้วยความสุขเพราะคิดว่าตนเองสวย ในเรื่องเพศก็เช่นกัน ความเจ็บปวดก่อให้เกิดอารมณ์เพศกับคนบางประเภท รักพิสดารชนิดนี้มี 2 ประเภท

คนอื่นเจ็บปวด (Sadist) หมายความว่าจะเกิดอารมณ์ทางเพศได้ก็ต่อเมื่อคู่นอนเกิดความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมาน พวกนี้จึงมักจะเห็นคู่นอนเป็นกระท้อน ต้องทุบให้น่วมก่อนจึงจะกินหวานดี คำว่า Sadist มาจากชื่อคนคือ Macquist De Sade เป็นผู้ที่เปิดเผยพฤติกรรมพิสดารนี้เป็นคนแรก จึงตั้งชื่อพฤติกรรมนี้ให้เป็นเกียรติแก่เจ้าของพฤติกรรม ต้นกำเนิดของคำนี้หมายถึงเฉพาะพฤติกรรมที่ทรมานคู่นอนให้เกิดความเจ็บปวดก่อนร่วมเพศ แต่ได้ใช้ในความหมายที่ผิดไปว่าเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว ใช้กันผิดๆ อย่างต่อเนื่องเนิ่นนานมาตั้งแต่อดีตจนเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในปัจจุบัน

ตนเองเจ็บปวด (Masochist) ทำนองเดียวกับพวก Sadist แต่ตนเองเจ็บปวดก่อนจึงจะเกิดอารมณ์ทางเพศ และชื่อพฤติกรรมให้เป็นเกียรติกับเจ้าของพฤติกรรมที่กล้าหาญเปิดเผยเป็นคนแรก คือ Leopold Von Sacher-Masoch สำหรับในเมืองไทยเราเคยปรากฏว่ามีผู้ที่เป็นที่เคารพนับถือท่านหนึ่งมีพฤติกรรมรักพิสดารชนิดนี้ ท่านจะไหว้วานให้ลูกน้องผู้หญิงเฆี่ยนตีท่าน เพชฌเฆี่ยนจะต้องสวมเครื่องแต่งกายสีดำทั้งชุด การเฆี่ยนจะเฆี่ยนเป็นยก บางครั้งก็หลายยกจนมือเฆี่ยนเหนื่อย บางครั้งก็แค่ 1-2 ยกก็เรียบร้อย จากนั้นท่านจะจัดการต่อของท่านเอง เพชฌเฆี่ยนไม่ต้องร่วมกิจกรรมด้วย ทำให้หาลูกน้องผู้หญิงช่วยสงเคราะห์เฆี่ยน เพื่อสนองตอบอารมณ์ใด้ไม่ยาก

พวกชอบความโสโครกโสมม มีหลายประเภทด้วยกัน

พวกชอบปัสสาวะ ( Urophilia) พวกนี้จะเกิดอารมณ์เพศเมื่อเห็นคนปัสสาวะ หรืออาการปัสสาวะ ชอบให้ตนเองหรือคู่นอนเปียกปัสสาวะ ถือว่าปัสสาวะไม่ใช่สิ่งสกปรก ตรงกันข้ามกับเป็นสิ่งที่มีค่าประดุจดัง “สุวรรณธารา”

พวกชอบอุจจาระ (Coprophilia) พวกนี้จะเกิดอารมณ์เพศเมื่อเห็นคนถ่ายทุกข์ ซ่องโสเภณีบางแห่งถึงกับมีบริการขายตั๋วให้คนประเภทนี้เข้าไปดูคุณโสเธอถ่ายทุกข์

พวกชอบความโสมมที่ชวนคลื่นเหียน (Mysophilia) พวกนี้จะเกิดอารมณ์เพศเมื่อได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สกปรกโสโครก ชอบ(หรือบางครั้งกินด้วย) ขี้มูก และสิ่งที่อาเจียรออกมา

พวกชอบทวารหนัก (Klismaphilia) อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าพวกนี้เป็นพวก black bean พวกนี้จะเกิดอารมณ์เพศเมื่อมีการสวนทวารหนัก ผู้ชายบางคนยอมจ่ายเงินให้คุณโสเธอจับคว่ำพาดตักแล้วสวนทวาร

พวกชอบศพ (Necrophilia) พวกนี้จะชอบร่วมเพศกับคนที่ตายแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ชายที่ทำงานกับศพ หรือทำงานอยู่ในห้องดับจิต พวกนี้ถือว่าเป็นโรคจิตอย่างรุนแรง ที่เบาบางลงมาจะจ่ายเงินให้คู่นอนนอนนิ่งๆ แสร้งทำเป็นตาย ในขณะที่ร่วมเพศ

พวกชอบถูไถ (Frotteurism) พวกนี้จะเกิดอารมณ์เพศเมื่อได้ถูไถอวัยวะเพศของตนกับผู้อื่นในที่สาธารณะ มักจะปฏิบัติการในที่เบียดเสียดเยียดยัด เช่น บนรถเมล์หรือขณะดูการละเล่นที่คนแน่นขนัด พฤติกรรมชนิดนี้ผู้หญิงเจอบ่อย ผู้หญิงที่มีความจำเป็นต้องอยู่ในที่เบียดเสียดเสมอๆ มีวิธีป้องกันโดยฝังเข็มหมุดไว้ที่แก้มก้น นึกภาพเอาเองก็แล้วกันว่าหนุ่มผู้ชอบใช้ยาสีฟันใกล้ชิดพาบุตรสุดรักวิ่งเข้าหาเข็มที่แหลมคมจะมีอาการอย่างไร

พวกชอบสัตว์ (Zoophilia) เป็นพวกที่เกิดอารมณ์ทางเพศเมื่อได้สัมผัสสัตว์ หรือร่วมเพศกับสัตว์ มักเกิดกับวัยรุ่นที่อยู่โดดเดียวกับฝูงสัตว์ เป็นพวกมีปัญหาทางจิต
ในบรรดารักพิสดารที่กล่าวมาทั้งหมดเห็นจะไม่มีอะไรพิสดารเท่ากับผู้ชายที่ชอบให้คู่นอนใช้ห่วงหอมใหญ่ชุบแป้งทอด (onion ring) โยนให้สวมลงอวัยวะเพศของตนในระยะต่างๆ กัน มีผู้สงสัยต่ออีกว่าถ้าลงแล้วรางวัลใหญ่จะเป็นอะไร ช่างพิสดารทั้งผู้ประกอบกิจ และผู้สงสัย

พิชชากร นภเกตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.