แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของรถยนต์ที่มีความสำคัญมากช่วยในการเก็บพลังงานไฟฟ้าภายในรถยนต์ ดังนั้นผู้ใช้รถทุกท่าน จึงควร หมั่นดูแลอย่างสม่ำเสมอเพื่อ ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ได้นานด้วยตัวคุณเอง
การดูแลรักษาแบตเตอรี่ เพื่อ ยืดอายุแบตเตอรี่รถยนต์
การดูแลรักษาแบตเตอรี่นั้น น้ำกรดและน้ำกลั่นเป็นสิ่งสำคัญที่คู่กับแบตเตอรี่ การที่จะใช้แบตเตอรี่ให้ได้ประโยชน์นานที่สุดควรปฏิบัติ ิดังนี้
1. >> หมั่นตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่อย่าให้มีรอบแตกร้าว เพราะจะทำให้น้ำกรดและน้ำกลั่นที่อยู่ภายใน ไหลออกมาทำความเสียหาย ต่อเนื้อเหล็กและเสียของตัวรถ ทั้งยังทำใหแบตเตอรี่เสี่อมเร็วขึ้น มีอายุการใช้งานสั้นลงและไม่สามารถเก็บประจุไฟไว้ได้นาน
2.>> ดูแลรักษาขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดอยู่เสมอ ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้นให้ทำความสะอาดโดยใช้น้ำร้อนขัดทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ และขั้วสายไฟ เช็ดให้แห้งและทาด้วยจารบีหรือวาสลินเพื่อป้องกันการเกิดเกลือซัลเฟตซึ่งจะทำให้กระแสไฟไหลไม่สะดวก
3.>> ตรวจสภาพของน้ำกรดในแบตเตอรี่ทุก 2 เดือน เพื่อดูว่ามีค่าความถ่วงจำเพาะเปลี่ยนไปในทางเข้มข้นหรือเจือจาง ถ้าเจือจาง ให้เติม น้ำกรดกับการตรวจความถ่วงจำเพาะ ควรให้ศูนย์บริการเป็นผู้ดูแลให้ปลอดภัยกว่า ที่สำคัญควรตรวจระดับ น้ำกลั่นในแบต เตอรี่ทุกสัปดาห์ และอย่าปล่อยให้แบตเตอรี่จ่ายไฟหมดโดยไม่มีการชาร์จไฟ เข้าไปทดแทนสำหรับแบตเตอรี่รุ่นใหม ่จะมีสีของหลอด แก้วเป็นตัว บ่งชี้สภาพ แบตเตอรี่ว่าขณะนั้นอยู่ในสภาพใด
4.>> ควรตรวจเช็คระบบชาร์จไฟของอัลเตอร์เนเตอร์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสอบสภาพการชาร์จไฟ ว่าต่ำไปหรือสูงไปถ้ำต่ำไปจะมีผลทำ ให้การ ประจุกระแสไฟฟ้าทำได้ไม่เต็มความจุของแบตเตอรี่ทำให้ไฟไม่พอใช้ ในเวลาใช้ไฟแสงสว่าง ในเวลากลางคืนหรือเวลาจะ สตาร์ทเครื่องยนต์ แต่ถ้าสูงเกินไปแบตเตอรี่จะร้อน น้ำกรดและและน้ำกลั่นที่อยู่ภายในจะระเหยเร็วหรืออาจจะเดือดได้ นอกจากนั้น ในขณะตรวจ เช็คควรตรวจ สภาพสายพานและความตึงของสายพานที่ใช้ขับอัลเตอร์เนเตอร์ด้วย
5.>> การคำนวณการใช้ไฟให้สอดคล้องกับขนาดของแบตเตอรี่และอัลเตอร์ เพื่อให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นได้ด้วยดี เพราะถ้า แบตเตอรี่ขนาดกระแสต่ำจะเก็บไฟไว้ได้น้อยอาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ถ้ามีขนาดความจุ กระแสสูง อัลเตอร์เนเตอร์ต้องชาร์จ ไฟมากขึ้น ทำให้อายุการใช้งานของอัลเตอร์เนเตอร์น้อยลง รวมทั้งยังเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมัน เพราะขณะที่อัลเตอร์เนเตอร์ทำงานจะกิน กำลังบางส่วนของเครื่องยนต์ไปด้วย
6.>> ควรหมั่นตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศหนาวอุรหภูมิต่ำกว่า 20 องศา เพราะในขณะที่อากาศเย็นการแพร่ กระจายของน้ำกรดและน้ำกลั่นจะด้อยลง เป็นเหตุให้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากการทำปฎิกิริยาเคมีระหว่าง สารที่เคลือบแผ่น ตะกั่วกับน้ำ กรดและน้ำกลั่นน้อยลงไปด้วย เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากขณะอากาศเย็น
7.>> กรณีที่จอดรถไว้โดยไม่ได้ใช้งานเกิน 2 สัปดาห์แบตเตอรี่จะมีการคายประจุไฟออกมาตลอดเวลา ถ้ามีมีการชาร์จไฟเข้าแทน ที่แผ่น ธาตุภายในจะเสื่อมสภาพ ไม่สามารถเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ได้ ดังนั้นวิธีการเก็บรักษาแบตเตอรี่ที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถนำแบตเตอรี่กลับ ไปใช้งานได้แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ
การเก็บแบตเตอรี่แห้ง (Dry Storage)
เป็นการเก็บแบตเตอรี่ไว้โดยไม่มีสารละลายอยู่ในแบตเตอรี่ส่วนใหญ่เป็นการเก็บแบตเตอรี่ที่ผลิตออกมาจากโรงงานใหม่ ๆ เมื่อต้องการจะใช้งานก็จะนำแบตเตอรี่ไปเติมสารละลายและประจะไฟฟ้าให้เต็ม
สำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วมีสารละลายอยู่ภายในแบตเตอรี่การเก็บให้ถอดแบตเตอรี่ออกจากรถนำไปชาร์จไฟให้เต็มแล้วเทน้ำยาทิ้ง ใช้น้ำกลั่นล้างแล้วเทคว่ำให้แห้ง เมื่อต้องการจะใช้แบตเตอรี่ก็นำไปเติมน้ำยาและชาร์จไฟใหม่
การเก็บแบตเตอรี่แบบเปียก (Wet Storage)
แบตเตอรี่ถึงแม้จะชาร์จไฟเต็มแล้ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะสามารถคายประจุไฟออกมาเอง ดังนั้นการเก็บแบตเตอรี่ในขณะ ที่แบตเตอรี่มีน้ำ กรดอยู่ ควรนำไปประจุไฟทุก ๆ 15 วันการเก็บแบเตอรี่แบบนี้ถือว่าเป็นการจัดเก็บแบบชั่วคราว
การดูแลรักษาแบตเตอรี่เท่าที่กล่าวมานี้เป้นการดูแลรักษาอย่างง่าย ๆ ที่ท่านเจ้าของรถทุกท่านควรให้ความสนใจและเอาใจใส่ดูแล เพื่อเป้นการยืดอายุการใช้งานของแบเตอรี่ให้ใช้งานได้นานขึ้น ไม่เฉพาะแต่แบตเตอรี่เท่านั้น อุปกรณ์อื่น ๆ ของรถยนต์ก็เช่นเดียวกัน ท่านควรหมั่นดูแลรักษาอุปกรณ์ทุกชิ้นในรถให้มีสภาพที่สมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อความมั่นใจทุกครั้งที่ขับขี่