การเตรียมตัวขับรถทางไกล

การเตรียมตัวขับรถทางไกล ขับรถทางไกลอย่างไร ให้ปลอดภัย

การเตรียมความพร้อมใน การเตรียมตัวขับรถทางไกล มีอะไรบ้าง มาเช็คดูกันครับก่อนที่จะเริ่มเดินทาง

ความพร้อมในเรื่องของรถก่อนเดินทางไกล การตรวจสภาพความเรียบร้อยของรถเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ขับจะต้องตรวจสอบความพร้อมของ เครื่องยนต์ เช่น น้ำหล่อเย็น น้ำมันเครื่อง ระบบไฟจุดระเบิด ระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ ซึ่งนอกจากนี้ ควรตรวจดูระบบไฟฟ้าภาย ในรถทุกจุด ทั้งไฟสูง-ไฟต่ำ สัญญาณไฟเลี้ยว ไฟเบรก สปอตไลน์ หรือไฟตัดหมอก และอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ยามที่ฝนตก เช่น ใบปัดน้ำฝนที่ฉีดน้ำล้างกระจกรวม ไปถึงเรื่อง เบรก และยางรถด้วย

ความพร้อมของผู้ขับ เมื่อผู้ขับจะต้องใช้เวลานั่งอยู่ในรถนาน ๆ ความเครียดเกร็งจะเกิดขึ้นโดยไม่รู้สึกตัว กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ สายตา สมอง จะอ่อนล้าลง โอกาสที่ผู้ขับจะอ่อนเพลียและหลับในมีมาก ดังนั้น ผู้ขับรถจึงควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ สุขภาพ จะต้องแข็งแรง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อที่สมองและจิตใจจะได้ปลอดโปร่ง

การแต่งกายของผู้ขับ เสื้อผ้าที่รัดมากเกินไปอาจทำให้ผู้ขับรู้สึกอึดอัด จึงควรสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม เคลื่อนไหวอิริยาบถได้สบาย คล่อง แคล่ว นอกจากนี้ การสวมรองเท้าแตะหรือรองเท้าที่หลวมจะทำให้เมื่อยเท้าเมื่อขับรถนาน ๆ และควบคุมรถได้ไม่ดีเท่ากับ การสวม รองเท้าหุ้มส้นที่กระชับพอเหมาะกับเท้า

ความพร้อมในการขับ ก่อนติดเครื่องยนต์ ควรให้ความสำคัญกับท่านั่งขับที่ถูกต้อง ระยะห่างระหว่างเบาะกับพวงมาลัย ระดับความสูงต่ำ ของเบาะนั่ง ความเอียงของพนักพิงจะต้องปรับให้พอเหมาะกับความถนัดของผู้ขับ เพื่อจะใช้อุปกรณ์บังคับควบคุมรถ ได้อย่างฉับไว และ สะดวก จากนั้นก็ต้องปรับ กระจกมองหลังกระจกมองข้างให้เห็นทัศนวิสัยรอบข้างได้ดีที่สุด ด้านหน้าจะต้องมองได้ชัดเจน รวมถึงการมอง หลบเสาหน้ารถให้สามารถมองเห็นในมุม 45 องศา ทั้งด้านซ้ายและขวา และอย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนออกเดินทาง

รถยนต์มีทั้งชนิดขับเคลื่อนล้อหน้าและล้อหลัง ชนิดขับเคลื่อน 4 ล้อ การตอบสนองการบังคับควบคุมจะไม่เหมือนกัน รถขบเคลื่อนล้อหน้า น้ำหนักส่วนใหญ่จะอยู่ที่ล้อหน้า จุดศูนย์กลางของแรงเหวี่ยงหนีศูนย์จะอยู่ที่ส่วนที่มีน้ำหนักมาก ส่วนรถที่ขับเคลื่อนล้อหลังได้มี การกระจายน้ำหนักไปทางด้านหลัง เมื่อการเบรกกะทันหันขณะที่ใช้ความเร็วสูง หรือการขับเข้าโค้งที่ใช้ความเร็วมาก การทรงตัวของรถ ที่ขับเคลื่อนล้อหน้าและล้อหลังจะแตกต่างกัน ดังนั้น ขณะเบรกผู้ขับจะต้องพยายามรักษาทิศทางของรถไว้อย่างมั่นคง จับพวงมาลัย อย่างกระชับทั้งสองมือจะลดปัญหารถเสียการทรงตัวได้ระดับหนึ่ง ถ้ารถ เสียการทรงตัว ไม่ควรต้านด้วยการแก้ทิศทางอย่างรุนแรงฉับพลัน เพราะจะยิ่งเพิ่มอาการเสียการทรงตัวมากขึ้น ทำให้เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำหรือหมุนได้ วิธีที่ถูกต้องคือแตะเบรกเบา ๆ รักษาทิศทางของรถ มิให้ไปปะทะกับสิ่งที่จะเกิดอันตรายรุนแรง พยายามลดความ เร็วลงตามลำดับ จนกว่าจะหยุดนิ่งการ ขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ท้ายรถ มัก จะปัดออก ถ้าผู้ขับเหยียบเบรกรถจะหมุนหรือพลิกคว่ำได้ ความคิดที่ว่าการเหยียบเบรกโดยทันทีและรุนแรง จะทำให้หยุด รถได้อย่าง ฉับพลันนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะล้อรถอาจจะล็อกได้ ซึ่งไม่ช่วยให้การหยุดรถดีขึ้นและจะทำให้ผู้ขับไม่สามารถควบคุม ทิศทางของรถ ได้ การใช้กำลังเครื่องยนต์ช่วยเบรกเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะแก้ปัญหานี้ ให้ลดความเร็วลงมาที่เกียร์ต่ำ รักษาทิศทางของรถอย่างมั่นคง ไม่ ตื่นต่อสถานการณ์ การหักพวงมาลัยฝืนอย่างฉับพลันจะยิ่งเพิ่มปัญหาให้มากขึ้น และถ้าใช้เกียร์ว่างหรือเหยียบคลัทช์ก็จะเกิด อันตราย เช่นกัน

การขับรถในทางลูกรัง ซึ่งถนนที่เป็นทางลูกรังผิวจราจรจะร่วน ไม่เรียบ และมีฝุ่นมากเมื่อเข้าใกล้รถคันหน้าอาจทำให้มองไม่เห็นทาง จึงควรขับให้ห่าง ไว้ ถ้าเห็นว่าปลอดภัยพอจึงค่อยให้สัญญาณขอแซง การเบรกบนทางลูกรังล้อรถจะล็อกได้ง่ายเพราะผิดทางอ่อนตัว จึงไม่ควรใช้ความเร็วสูง และควรใช้เกียร์ต่ำทุกครั้งที่เข้าโค้งในทางลักษณะนี้ เพราะโอกาสที่รถจะลื่นไถลและเสียการทรงตัวมีมาก นอกจากนี้ทางลูกรังมักจะมีสัตว์เลี้ยงอยู่ริมทาง สัตว์เลี้ยง อาจจะตื่นวิ่งมาบนถนนก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

สำหรับผู้ที่จะต้องเดินทางไกลเป็นประจำ ควรหมั่นเช็คสภาพรถยนต์ของท่านทุกครั้ง การเตรียมพร้อมของรถและผู้ขับจะทำให้สามารถ แก้ไขเหตุการณ์ เฉพาะหน้าซึ่งอาจเกิดขึ้นในการเดินทางได้ทุกเมื่อ ทำให้การขับทางไกลปลอดภัยเสมอ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.