ในขณะที่เกิดความเครียด มักจะมี สัญญาณความเครียด หรือ อาการผิดปกติที่แสดงให้เห็น เช่น มือสั่น ปวดศีรษะ ที่มักเกิดขึ้นในวันแย่ๆ ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน และนั่นก็เป็นสัญญาณอันตรายที่น่าเป็นห่วง เพราะความเครียดที่เกิดขึ้นเช่นนี้ จะทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคที่เกี่ยวกับลิ้นหัวใจ และสารพัดโรคที่จะรุมเร้าเข้ามาอย่างไม่ปราณีด้วย
ดังนั้น เราจึงอยากเตือนไว้ก่อน ให้คุณป้องกันล่วงหน้า เพื่อเลี่ยงห่างจากโอกาสเกิดโรคร้ายเพราะความเครียด ด้วยสาเหตุ อาการ และวิธีการแก้ไขคร่าวๆ ที่คุณอาจต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมจากตัวเอง สำหรับใช้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ด้วย ลองมาดูซิครับว่าคุณมีอาการเหล่านี้บ้างหรือเปล่า
1.เจ็บบริเวณหน้าอก
เมื่อไหร่ที่คุณเครียดแล้วรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่อก (ไม่ใช่เพราะอกหักนะครับ) อาการแบบนี้ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารจากอเมริกาวิเคราะห์ว่า สาเหตุของอาการ เกิดจากความเครียดกระตุ้นให้กระเพาะสร้างกรดที่ช่วยย่อยอาหารมากขึ้น กรดดังกล่าวทำปฏิกิริยากับไขมัน จนทำให้คุณเจ็บอกแปลบๆ ทุกครั้งที่เกิดความเครียด และถ้าคุณชอบเลือกสรรอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดกินเป็นประจำ ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระเพาะตามไปด้วย
วิธีบรรเทาอาการนี้ไม่ยากครับ ดื่มน้ำทุกครึ่งชั่วโมง มีส่วนช่วยลดดีกรีความเครียดให้เบาลง ช่วยดับความเร่าร้อนภายในร่างกาย และยังมีส่วนช่วยให้กรดในกระเพาะเจือจางลง และขับออกจากร่างกายในที่สุด เช่น อาหารจำพวกไขมันสูง รวมถึงเครื่องดื่มบางประเภทอย่างกาแฟและเหล้า แต่ถ้าคุณเจ็บแปลบบริเวณหน้าอกเพราะความเครียดนานเกิน 1 อาทิตย์ขึ้นไป แนะนำว่าไปพบแพทย์จะดีกว่า อย่าปล่อยเฉยๆ อาจอันตรายมากกว่านี้ก็ได้
2. คุณมักเถียงคนใกล้ชิดเสมอ
อาการนี้มักเกิดขึ้นกับคู่สามี-ภรรยาที่อยู่ในช่วงไม่ลงรอยกันเป็นส่วนใหญ่ เช่น มีรายได้มากขึ้นจนทำให้มีเซ็กซ์น้อยลง กลายเป็นบ่อเกิดของความเครียดในชีวิตคู่ กรณีที่คุณและภรรยาทำงานด้วยกันทั้งคู่ เมื่อไหร่ที่ต่างคนต่างมีตำแหน่งสูง ตกอยู่ภายใต้สภาวะที่เต็มไปด้วยความเครียดจากการทำงานพอๆ กัน วันนั้นคือวันเริ่มต้นแข่งกันระหว่างคุณกับเธอ ว่าใครจะมีวันที่ย่ำแย่มากกว่ากันทันที
ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ พอกลับถึงบ้าน ต่างฝ่ายต่างชิงประกาศเสียงดัง หรือไม่ก็บ่นให้ได้ยินชัดถึงสภาพความเลวร้ายที่ประสบมาตลอดช่วงทำงาน ชิงไปชิงมา ความเครียดจากเรื่องงานจะลดทอนความรักในครอบครัวจนเปลี่ยนเป็นความเห็นแก่ตัว หรือกลายเป็นศัตรูภายใต้หลังคาเดียวกันไปแทน
วิธีเหลีกเลี่ยงที่ดีที่สุด คือ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งควรเฉยบ้าง ให้บ้านยามเย็นหลังเลิกงานเงียบอย่างน้อย 15-20 นาที อย่าเพิ่งโวยวายหรือจุดชนวนสงครามขึ้นมาก่อน เพราะมีความจริงข้อหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่ยืนยาวก็คือ ไม่มีใครหรือกครับที่อยากจะได้ยินเรื่องน่าปวดหัวของคนอื่น ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายแพ้ตอนที่กราฟความเครียดกำลังพุ่งขึ้นสูงแน่นอน
ดังนั้น แทนที่จะบ่นพึมพำเบื่อหน่าย ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีง่าย ต่างฝ่ายต่างนั่งพักผ่อนเฉยๆ ผ่อนความเครียดที่ได้รับมาให้จางลงไป แล้วค่อยคุยกันจะดีกว่า เวลาช่วยคลายความเหนื่อยล้าและบรรเทาความเครียดได้ เมื่อไม่มีเสียงบ่น ไม่มีเสียงด่าทอ ไม่เกิดสงครามในบ้าน คืนนั้นอาจทำการบ้านได้คะแนนเต็มทั้งคู่ก็ได้
3. มือสั่น
ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อคืนคุณย่ำราตรีจนดึกเกินไป ทำให้เช้าวันใหม่ขะมุกขะมัวหล่ะก็ อาการมือสั่นกำลังบอกถึงดีกรีความโกรธที่พุ่งกระฉูด ในเวลาที่คุณไม่สามารถหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ผิดๆ ของเจ้านาย ที่เกี่ยวกับการทำงานของคุณได้ ความโกรธและความเครียดที่ผสมผสานกัน จะทำให้มือไม้สั่นโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ กาเฟอีนในกาแฟ และแอลกอฮอลล์ก็มีส่วนทำให้คุณเกิดอาการมือสั่นได้เหมือนกัน
การหลีกเลี่ยงจากสภาพนี้ดีที่สุด คือระงับความโกรธ ทำใจให้เย็นลง แล้วค่อยๆ พูดกับเจ้านายให้เข้าใจซะใหม่ ถ้าเขาไม่ฟัง คุณก็ทำใจแล้วให้ผลงานเป็นเครื่งพิสูจน์ ถ้าคุณมั่นใจว่างานคุณไม่พลาดแน่ๆ
เพราะในสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อต่อการหางานใหม่ได้กระทันหันแบบนี้ ท่าทีมือไม้สั่นมันไม่ดีสำหรับอนาคตของคุณนักหฟรอกครับ สงวนทีท่าไว้หน่อยดีกว่า แล้วใช้วิธีบริหารง่ายๆ หลังการพูดคุย โดยสะบัดมือ บีบมือ ซึ่งง่ายกว่าออกกำลังกายด้วยการวิ่งซะอีก ทั้งยังทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นด้วย
หรือถ้ายังไม่ดีขึ้น ลองหากระสอบทรายหรือหมอนหนาๆ เป็นที่รองหมัดสัก 10 นาที นอกจากเป็นการผ่อนคลายความรู้สึกแล้ว ยังช่วยให้กล้ามเนื้อมือแข็งแรงขึ้น จำไว้นะครับว่า การออกกำลังกาย รับประทานอาหารอย่างเพียงพอและครบหมู่ รวมทั้งการผักผ่อนที่เพียงพอ และทำจิตใจให้เบิกบานด้วยเสียงหัวเราะวันละนิด รอยยิ้มวันละหน่อย คือปราการต้านเครียดที่ดีที่สุด
4. ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
นี่ไม่ใช่สาเหตุด้านสุขภาพ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าเครียดทีไร อยากจ่ายตังค์ทุกที จ่ายมันให้เต็มที่ เหมือนกันเครียดแล้วอยากกิน ยิ่งเครียดยิ่งกิน พอความอ้วนถามหา คุณก็ยิ่งเครียดหนัก และมันจะวนเป็นวัฏจักรไม่รู้จบจนกว่าจะสำนึกตัวได้
การใช้จ่ายก็เช่นกัน เครียดมากซื้อของมาก ใช้เงินมากขึ้น ถ้าไม่พอก็ใช้วิธีรูดบัตรเครดิต หนี้สินก็เพิ่มพูนเป็นเงาตามตัว หรือถ้าใช้เงินสดที่มีอยู่ จำนวนเงินในกระเป๋าก็จะน้อยลง แล้วกระเป๋าคุณก็แฟบเท่านั้นเอง เครียดไหมหล่ะครับ
วิธีแก้ง่ายๆ ก็คือ ถ้าอยากช้อปปิ้ง หาแคตตาล็อคมาดูพลางๆ ก่อน ดูไปเรื่อยๆ แล้วคิดไปว่าตอนนี้คุณกำลังซื้อของ ซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ ซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ จินตนาการที่แหละที่จะทำให้เงินในกระเป๋าอยู่ครบ หรือถ้าเครียดเมื่อไหร่ต้องหาอะไรใส่ปาก ก็หยิบหนังสือแทนหยิบแฮมเบอร์เกอร์หรือขนมต่างๆ หาหนังสือสนุกๆ ไว้ข้างตัว คุณก็คงไม่ต้องหาอะไรกินแล้วกระมัง
อาการต่างๆ เหล่านี้ คือสัญญาณทางร่างกายที่บอกเตือนคุณให้รู้ว่า ความเครียดได้ย่างกรายเข้ามาเยือนคุณแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้น จงอย่าปล่อยให้มันคืบหน้าไปมากกว่านี้ หาเวลาพักผ่อนและกำจัดมันทิ้งเสียก่อนที่มันจะทำร้ายคุณเลยครับ