เย็นวันทำงาน ตอนที่คุณกำลังอยู่ที่โต๊ะทำงาน เพราะถึงเวลาเลิกงานแล้ว แต่ดันเจอเอางานด่วนตามจี้มาถึงโต๊ะจากเจ้านาย หรือลูกค้าต้องการงานด่วนกระทันหัน เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอะเหตุการณ์แบบนี้มาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย และจะเกิดความรู้สึกในทันทีที่รับงาน ว่ามันช่างเป็นเย็น “นรก” ของคุณซะจริงๆ
คุณรู้ไหมว่า เมื่อเกิดความรู้สึกเช่นนั้นแล้ว มันหมายถึงคุณกำลังเกิดความเครียดกะทันหัน และหากไม่พยายามล้างความเครียดที่เกิดขึ้นออกไปก่อนถึงบ้าน คุณก็จะพกเอางานที่เพิ่งได้รับไปพร้อมกับความเครียดอีกกองใหญ่กลับไปด้วย
ผลนะหรือ…งานก็เดินไม่ได้เพราะคิดไม่ออก เนื่องจากความเครียดมันบดบังหมด แถมยังพลอยทำให้คนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้าง คนในครอบครัว เพื่อนฝูงในวงสนทนา เวลาในผับที่ควรจะสนุก ก็มีบรรยากาศตามคุณไปอีกต่างหาก
อย่ากระนั้นเลย สู้มาทิ้งความเครียดไว้ที่ทำงานให้จบเสียก่อน ทำให้สบายใจ ผลดีมีมากกว่าตอนที่เครียดรุมเร้าแน่นอนครับ วิธีการก็คือ
เมื่อคุณพร้อมกลับบ้าน
ไม่ว่าจะมีงานเร่งด่วนเข้ามา ซึ่งคุณไม่อาจจะทำได้ในทันทีแน่นอน หากคุณยังรู้สึกย่ำแย่อยู่ เก็บไว้พรุ่งนี้เช้าจะดีกว่า ที่สำคัญ ไม่ควรหอบงานกลับไปทำที่บ้าน เพราะบ้านคือที่พักผ่อน เป็นที่ส่วนบุคคล ก็ควรเป็นที่พักผ่อนสบายๆ สำหรับคุณเท่านั้น งานควรอยู่ที่สำนักงานก็เพียงพอแล้ว และต่อไปนี้คือกฏสำหรับคลายเครียดก่อนออกจากที่ทำงานครับ…
- เริ่มจัดทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้าที่ ใช้เวลาอย่างน้อย 15 นาทีก่อนเลิกงาน หรือ 15 นาทีก่อนกลับบ้าน จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย งานชิ้นไหนที่จะต้องทำในวันรุ่งของพรุ่งนี้ จัดไว้ให้เป็นระเบียบ หยิบง่าย เพื่อให้เช้าวันต่อไปไม่มีเรื่องรำคาญใจกับการทำเอกสาร
- ร่างชื่องานที่ต้องทำในวันถัดไป การเขียนลิสต์งานที่จะต้องทำในวันรุ่งขึ้น นอกจากเป็นเสมือนบันทึกช่วยจำได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยจัดระบบการทำงานให้ดีขึ้น และไม่ทำให้คุณต้องหอบความเครียดกลับบ้านด้วย เพราะคุณรู้ว่าตัวเองได้วางแผนงานไว้เรียบร้อยแล้ว
- ยืดเส้นยืดสายก่อนออกจากโต๊ะทำงาน เป็นการบำบัดความเครียดออกไปโดยการบริหารง่ายๆ คือ ยืนด้านหลังของเก้าอี้ที่มีพนักพิงหลัง แยกเท้าออกจากกันราวๆ 1 ฟุต แล้วใช้มือทั้งสองข้างจับพนักเก้าอี้ไว้ ย่อเข่าลงแล้วยืดตัวขึ้น ทำสลับกัน 5-10 ครั้ง จากนั้นก็บิดตัวไปทางซ้ายทีขวาที เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนกลับบ้าน
เมื่อก้าวพ้นประตูสำนักงาน
ราว 6 โมงเย็น คนส่วนใหญ่กำลังเลิกงาน รวมทั้งคุณด้วย ต่างคนต่างก็เบียดเสียดแย่งกันขึ้นรถเมล์ รถไฟ รถไฟฟ้า หรือแย่งกันขับรถกลับบ้าน และนี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเครียด ดังนั้น เมื่อย่างเท้าพ้นประตูสำนักงาน อย่าเพิ่งรีบร้อนขึ้นรถกลับบ้านเลย แต่ควรจะ
- เดินไปขึ้นป้ายหน้า…ถ้าคุณต้องขึ้นรถเมล์โดยสารประจำทางกลับบ้าน แทนที่จะขึ้นป้ายใกล้ที่สุด แนะนำว่าลองเดินเล่นสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อนไปที่ป้ายหน้า แล้วค่อยขึ้นรถกลับบ้าน มันจะทำให้คุณได้ออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ คลายเครียดได้ทีเดียว
- เติมชีวิตให้มีสีสันสักนิด…ความเครียดมักเกิดขึ้นเนื่องจากความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ฉะนั้น คุณต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่า เจ้านายที่แท้จริงคือตัวคุณเอง เรียกความมั่นใจกลับคืนด้วยการเดินเล่น ผ่อนคลายความเครียด เดินดูของ ดูการตกแต่งร้าน หรือเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า ดูชุดสูทราคาแพงๆ ดูเฉยๆ ไม่ต้องซื้อก็ได้ มันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
- อย่าอดอาหาร…แม้ว่าอาหารมื้อค่ำจะทำให้คุณอ้วน คุณสามารถควบคุมได้โดยการกินแต่น้อย แต่ต้องกินนะครับ เพราะอาหารทุกมื้อมีความสำคัญต่อร่างกายเท่าๆ กัน มื้อค่ำก็เช่นเดียวกัน คุณควรหาอะไรเบาๆ ใส่ท้อง และเวลาที่ดีที่สุดก็คือช่วงนี้แหละ ก่อนที่จะกลับบ้าน ถ้าไม่กินก่อนเข้านอนคุณไม่อ้วนขึ้นหรอกครับ
- ถ้าคุณขับรถกลับบ้านเอง…ก็ไม่ควรละเลยข้อ 2 และ 3 คือการเดินเล่นกับอาหารมื้อค่ำเล็กๆ น้อยๆ แต่คุณอาจเกิดความเครียดได้จากสภาพจราจรติดขัด ที่ดูจะเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของบ้านเราไปแล้ว คุณควรรู้จักพักผ่อนตัวเอง อย่าเอาใจใส่กับการติดขัดของท้องถนนมากนัก เพราะมันจะเพิ่มความเครียดมากขึ้นไปอีก ลองหันมาฟังเพลงเพราะๆ จากวิทยุเทปที่อยู่ในรถ หรือหาเทปตลกมาฟังก้ได้ รับรองว่ามันจะทำให้คุณหายเครียดจากสภาพการจราจรที่ติดขัดได้เป็นอย่างดี
พักสักประเดี๋ยว
ทำเหมือนคุณต้องการขุดช่องว่างระหว่างทำงานกับที่ทำงานกับที่บ้านขึ้นมา เพาะบางครั้งคุณก็คงนึกเบื่อการเดินทางซ้ำซากระหว่างบ้านกับที่ทำงานใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้น ลองหาที่พักสบายๆ สักประเดี๋ยว อาจจะเป็นเดือนละครั้ง หรือ 2 อาทิตย์ครั้งก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของคุณเอง เช่น
- หาซื้อของใช้ส่วนตัวในช้อปปิ้งอาเขต…แน่นอนว่ามันย่อมไม่เหมือนการเดินตามห้างสรรพสินค้าทั่วๆ ไป เพราะคุณต้องมีจุดมุ่งหมาย การเดินหาซื้อของใช้ส่วนตัวหรือของที่คุณอยากจะได้ เดือนละชิ้นคงไม่มากเกินไป
- เข้าสถานที่ออกกำลังกายหรือว่ายน้ำ…การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ได้ผลกับทุกส่วนของร่างกาย และถ้าคุณไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายหรือต้องไปห้องยิมได้ทุกวัน ก็หาเวลาแค่เดือนละครั้งไปว่ายน้ำก็พอ
- โยนโบว์ลิ่ง…สีสันหลากหลายของรองเท้า และการยืนเด่นเป็นสง่าคนเดียวในลู่โยนโบว์ลิ่ง จะทำให้คุณรู้สึกตื่นตาตื่นใจได้ อีกทั้งยังทำให้คุณรู้สึกถึงความเป็นที่หนึ่ง สกอร์แต้มที่ทำได้ก็เป็นของคุณคนเดียวโดยไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร แถมยังเป็นการออกกำลังกายที่สนุกสนานอีกต่างหาก ถ้าไม่คิดมากเกินไปนัก หาเพื่อนร่วมเกมด้วยก็ได้ อย่าใส่ใจผลแพ้ชนะ อย่าลืมว่านี่เป็นการเล่นสนุกในหมู่เพื่อนฝูงเท่านั้น
เมื่อคุณถึงบ้าน
ผู้เชียวชาญความเครียดบอกว่า สิ่งที่ผู้คนมักทำผิดพลาดเสมอในชีวิต ก็คือพกเอาความเครียดเข้าบ้านด้วย จากนั้นก็ทิ้งมันให้เป็นภาระของคนในบ้าน ด้วยท่าทางที่หงุดหงิดและน่าเบื่อ ลองเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ดีกว่าไหมครับ
- บอกสาเหตุที่ทำให้คุณเครียด…เช่น ถ้าคุณเข้าบ้านแล้วบอกภรรยากับลูกว่า “วันนี้เป็นวันที่แย่ชะมัด มีปัญหาเยอะแยะรุมเร้าตลอดวัน” การที่คุณเปิดเผยให้คนในครอบครัวรอบรู้ นอกจากจะเป็นการระบายความเครียดแล้ว ยังทำให้คนในบ้านรู้สึกถึงสาเหตุที่ทำให้คุณหงุดหงิด พวกเขาจะได้สบายใจว่าเขาไม่ใช่เป็นผู้สร้างความเครียดให้คุณ เมื่อคนรอบข้าง คนในบ้านสบายใจ พวกเขาก็จะช่วยให้คุณหายเครียด ซึ่งคุณก็ควรจะให้ความร่วมมือด้วย
- อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่ถึงบ้าน…นี่เป็นอีกวิธีที่จะทำให้คุณสลัดความรู้สึกเคร่งเครียดจากงานเมื่อถึงบ้าน คือเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว คุณควรอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดทำงานเป็นชุดลำลองสบายๆ มันจะทำให้ความรู้สึกดีขึ้น ผ่อนคลายมาขึ้น
- ทำให้คนในบ้านรู้สึกเป็นคนพิเศษ การที่คุณมุ่งมั่นตั้งใจจะทำเซอร์ไพร์สใครสักคน ถึงแม้มันจะไม่ใช่วันสำคัญของพวกเขา แต่ความตั้งใจนั้นจะทำให้คุณลืมความเครียดเรื่องงานไปได้ เมื่อคนรอบข้างคุณมีความสุข ตัวคุณเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย วิธีนี้คุณอาจไม่ต้องทำทุกวันหรือทุกครั้ง แต่สักอาทิตย์ละครั้งหรือ 2 อาทิตย์/ครั้ง ก็พอแล้วครับ
ทั้งหมดนี้เป็นข้อแนะนำ ที่เชื่อว่า ถ้าใครลองได้นำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวัน หรือปรับเข้ากับชีวิตการทำงานของตัวคุณได้ ผมเชื่อว่าอย่างน้อยมันจะช่วยเป็นเกราะป้องกันความเครียดให้กับคุณได้พอสมควรทีเดียวเชียวครับ