ช่วงฤดู ใบไม้เปลี่ยนสี หรือ ฤดูใบไม้ร่วงที่ญี่ปุ่นนั้น ใบไม้โดยเฉพาะใบเมเปิ้ล maple ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 楓 kaede เป็นmaple ของญี่ปุ่นจะเปลี่ยนเป็นสีแดง สำหรับประเทศญี่ปุ่น สถานที่ท่องเที่ยวที่เราสามารถไปชมใบไม้สีแดงและความงดงามของสิ่งก่อสร้าง ก็ต้องเป็นที่เกียวโตซึ่งเป็นเมืองเก่าเหมือนอยุธยาของเรา มีทั้งวัด และศาลเจ้า สถานที่ซึ่งสามารถชมใบไม้สีแดงได้จะมีการจัดไฟส่องให้ดูในช่วงเย็น เนื่องจากมืดเร็ว แต่จะมีความสวยงามอีกแบบหนึ่ง มักจะเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนธันวาคม ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
สถานที่แรกที่จะแนะนำคือ วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใส จะมีการจัดไฟให้ชมประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนธันวาคม
วัดนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีเกียวโต ตลอดทางขึ้นสองฟากจะมีร้านขายเครื่องปั้นดินเผาที่เป็นจาน ชามแบบญี่ปุ่น วัดนี้มีบริเวณกว้างและมีหลายจุดที่ควรแวะชม จึงอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ไม่นับเวลาซื้อของ เพราะถ้ารวมด้วยแล้ว บางทีอาจใช้เวลาถึงสามชั่วโมงก็ได้ วัดนี้เปิดตั้งแต่หกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น แต่ถ้ามาเช้ามากไปก็อาจจะไม่ได้ชมร้านค้าขายของตอนเดินกลับ เพราะจะเดินกลับอีกถนนหนึ่ง ขอแนะนำว่าควรไปถึงประมาณสักสองโมงเป็นต้นไป เวลาถ่ายรูปจะได้ไม่ติดคนมากนักหรือไม่ต้องคอยคิวถ่ายรูป
เมื่อเดินถึงวัดจะเห็นประตูทางเข้าเป็นสีแดง เดินเข้ามาทางขวามือจะเห็นเจดีย์แบบญี่ปุ่นซึ่งสร้างขึ้นสมัยเอโดะ สูงประมาณ 31 เมตร เดินต่อมาอีกหน่อย ทางด้านซ้ายมือ จะมีทางเดินแยกขึ้นไปบนเขา ส่วนนี้ไม่ใช่วัดแต่เป็น ศาลเจ้า
เรียกว่า jishu jinja shrine มีชื่อเสียงในเรื่องของความรัก เมื่อเดินขึ้นไปจะเห็นหินสองก้อนวางอยู่ห่างกัน เป็นระยะทางหลายสิบก้าวทีเดียว เรียกว่า koiurania no ishi เชื่อกันว่า ถ้าหากหลับตาแล้วเดินจากหินก้อนหนึ่งไปอีกก้อนหนึ่งได้อย่างปลอดภัย เรื่องของความรักก็จะสมดังปรารถนา เชื่อหรือไม่ ก็ตามแต่ละบุคคล แต่เห็นกี่รายก็ลองเดินกันทั้งนั้น
หากลงมาจากศาลเจ้าแล้ว เดินต่อขึ้นไปอีกจะเห็นบ่อน้ำมีรูปมังกรอยู่บนบ่อที่ปากมังกรมีน้ำไหลออกมาลงบ่อ พร้อมกับมีกระบวยให้ตัก เรียกว่า todorokimon ถือเป็นด่านก่อนเข้าตัววัด น้ำนี้เชื่อกันว่าเมื่อดื่มแล้วช่วยให้หายปวดฟันและปวดหัว เดินต่อมาอีกจะเป็นตัววัด จะมีรูปหล่อที่มีสิบเอ็ดหน้าพันมือ เป็นเทพเจ้าของความเมตตา ให้อภัย ที่บริเวณนี้มีลักษณะเป็นลานกว้างสร้างด้วยไม้ ตั้งอยู่บนเนินซึ่งมีฐานเป็นไม้วางขัดกันเป็นชั้น เป็นจุดที่ทุกคนมักจะถ่ายรูป เพราะเห็นวิวสวยงาม หากเดินต่อไปอีก จะเป็นส่วนที่สร้างคล้ายตัววัด มองจากลานบริเวณนี้จะมองเห็นฐานของลานวัด หลายคนก็จะมายืนถ่ายรูปจุดนี้ด้วย
จากนั้นก็จะเดินลงมายัง น้ำตกสามสาย มีกระบวยที่ทำความสะอาดด้วยแสง เตรียมไว้ให้คนดื่ม เนื่องจากเชื่อว่า คำอธิษฐานจะเป็นจริง โดยน้ำสายแรกเกี่ยวกับสุขภาพ ไม่เจ็บป่วยหรือหายป่วย สายที่สองเกี่ยวกับอายุยืน สายที่สามเกี่ยวกับการประสบความสำเร็จตามที่ปรารถนา จุดนี้ก็เข้าคิวถ่ายรูปกันตอนดื่มน้ำ บางคนบอกว่าให้เลือกสายใดสายหนึ่งแต่หลายคนก็ดื่มหมดทุกสาย จากนั้นก็เดินชมสวนและเดินลงจากวัด ซึ่งเป็นคนละถนนกับตอนขามา ตอนลงจากวัดสองข้างทางจะมีร้านขายขนมที่ทำให้เห็นกันเดี๋ยวนั้น ร้านขายผักดองหลากหลายชนิด ร้านขายของที่ระลึก ส่วนมากก็จะแวะชิมกันซื้อบ้างไม่ซื้อบ้าง ที่ญี่ปุ่นเขายินดีให้ชิมฟรีค่ะ หรือบางคนเดินจนเมื่อยก็ อาจหาร้านนั่งทานไอศกรีมหรือขนมก่อนจะไปเที่ยวต่ออีก