จะว่าไปแล้วจากคำถามนี้ ถ้าพิจารณาตามหลักวิชาการแล้ว จะเห็นว่าไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เอ… แล้วทำไมหลายครั้ง เราถึงพบว่า คนในครอบครัวเดียวกัน หลายคนเป็นไซนัส
แน่นอนล่ะ คำตอบของปัญหานี้ก็คือ สิ่งแวดล้อม หรืออากาศเป็นพิษนี่แหละ ที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจได้ง่าย ส่วนกรรมพันธุ์นั้นเกือบไม่มีส่วนสำคัญเท่าใดนัก อย่างไรก็ตามผู้ที่มีช่องจมูกตีบแคบ หรือช่องเปิดไซนัสผิดปกติ มีโอกาสเป็นโรคโพรงจมูกอักเสบได้มากกว่า และอาจจะเรื้อรังได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
สาเหตุใหญ่ที่ทำให้คนในครอบครัวเดียวกันเป็นโรคไซนัสก็คือ
เข้าใจผิดว่าเป็นหวัดเรื้อรัง หรือโรคภูมิแพ้ เพราะเข้าใจว่าโรคไซนัส ต้องมีอาการปวดศรีษะ หรือเจ็บบริเวณจมูก และแก้มเท่านั้น นี่จึงเป็น สาเหตุทำให้โรคไซนัสไม่ไรับการรักษาที่ถูกต้อง จนกลายเป็นโรคไซนัสเรื้อรังกันหลายคนในบ้าน
การซื้อยาแก้หวัด หรือยาปฏิชีวนะมาทานเอง ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเชื้อโรคดื้อยาปฏิชีวนะ ถ้าภายในบ้าน หรือภายในชุมชนเกิดมีผู้ใหญ่เป็นไซนัสเรื้อรัง และทานยาปฏิชีวนะเป็น ประจำ ก็จะส่งผลเสียถึงเด็กที่ผู้ใหญ่ซื้อยาให้ทานเอง โดยเวลาเด็กเล็กๆ ในบ้านเป็นหวัดโพรงจมูกอักเสบ เมื่อทานยาปฏิชีวนะธรรมดา จะไม่ได้ผล ในที่สุดเด็กๆ หรือคนอื่นๆ ในบ้านก็จะมีปัญหาดื้อยาเช่นเดียวกัน
วิธีแก้ไข และป้องกันก็คือ
เมื่อเป็นหวัดเรื้อรังมากกว่า 3 สัปดาห์ แล้วยังไม่หาย หรือมีอาการไอเรื้อรัง, เสมหะมาก, แน่นจมูก, หูอื้อบ่อยๆ, เจ็บคอบ่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจหา สาเหตุอย่างละเอียด เช่น การส่องกล้องในจมูก การตรวจด้วยเครื่อง X-Ray ก่อนจะสรุปว่าเป็นโรคแพ้อากาศ
ให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเลือกยาที่เหมาะสมให้ ถ้าเป็นหวัดเกินกว่า 1 สัปดาห์ แล้วยังไม่หาย ยาปฏิชีวนะในโรคไซนัสอาจต้องรับประทานต่อเนื่องกัน 10-14 วันขึ้นไป ยาลดน้ำมูก และยา ละลายเสมหะก็มีส่วนสำคัญ และสิ่งที่เป็นหัวใจของการรักษาคือ ผู้ป่วยต้องติดตามผลการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ ยิ่งถ้ามีอาการมานาน ก็ต้องรักษากันนานเช่นกัน