กันตนา กรุ๊ป และ อาเธมิส เรคคอร์ด ร่วมกับ โรงละครกรุงเทพ และ ดรีมบอกซ์ ปลุกกระแสนวนิยายรักอมตะอีกครั้ง ด้วยการนำ “คู่กรรม” นวนิยายรักอมตะที่เลื่องชื่อถึงแดนปลาดิบ มาสร้างสรรค์เป็น “ละครเพลง” เป็นครั้งแรก เอาใจแฟนพันธุ์แท้ “คู่กรรม”
คุณศิริวรรณ ธีระปถัมภ์ ผู้อำนวยการโรงละครกรุงเทพ เปิดเผยถึง การนำ “คู่กรรม” มาสร้างสรรค์เป็นละครเพลงว่า “นวนิยายเรื่อง คู่กรรม เป็นนวนิยายรักอมตะที่เคยถูกนำมาสร้างในหลายรูปแบบ ทั้งละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ จนโด่งดังและครองใจชาวไทยทั่วทุกยุคทุกสมัย พอมีกระแสข่าวว่าจะมีการนำนวนิยายเรื่องคู่กรรมมาสร้างสรรค์ใหม่ ด้วยแบบฉบับของ ละครเพลง เป็นครั้งแรกนั้น ได้รับความสนใจอย่างมากว่า ใครจะเป็นผู้มารับบทเป็น “โกโบริ” และ “อังศุมาลิน” ในละครเพลงครั้งนี้ เพราะทั้ง 2 บทนี้เป็นบทที่ละเอียดอ่อนและลึกซึ้ง ต้องใช้นักแสดงระดับมืออาชีพ ในการแสดงให้เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร เข้าถึงแก่นแท้ของบทประพันธ์
ฉะนั้นกับการนำคู่กรรมมาสร้างในรูปแบบของละครเพลงในครั้งนี้ นับว่าเป็นศาสตร์การนำเสนอที่ยากยิ่งเมื่อเทียบกับละครและภาพยนตร์ เนื่องจากการสื่ออารมณ์ ความรู้สึกให้ผู้ชมเข้าใจในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่มีข้อผิดพลาดนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก การคัดเลือกนักแสดงในครั้งนี้ จึง “หิน” สุดๆ สำหรับผู้สร้าง โดยเฉพาะตัวโกโบริ ที่ต้องการให้ผู้สวมบทนี้เป็นชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง แต่หลังจากที่ได้ค้นหามานานกว่า 2 ปี ในที่สุดก็ได้ผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะมารับบท “โกโบริ” เซกิ โอเซกิ : Seigi Ozeki นายแบบดาวรุ่งพุ่งแรงจากญี่ปุ่น ด้วยความสามารถพิเศษทั้งการร้องเพลง การแสดง และบุคลิกภาพที่ได้ตรงกับ สมญานาม “พ่อดอกมะลิ” ของ “ทมยันตี”
เซกิ โอเซกิ โคจรอยู่ในวงการนายแบบมาถึง 6 ปี ผลงานโดดเด่นที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จัก คือการเป็น นายแบบโฆษณา Beneton ผลงานชิ้นนี้ทำให้ได้รับการติดต่อจากเอเยนซี่หลายแห่ง และได้ถ่ายโฆษณาให้กับแบรนด์ดังของญี่ปุ่น อย่างเช่น Asahi และ Sparks นอกจากความสามารถในการเป็นนายแบบแล้ว เซกิ โอเซกิ ยังมีฝีมือด้านการแสดงในจอเงินอีกด้วย จากผลงานภาพยนตร์อินดี้เรื่อง “Dump Star” และ “Embrace” ความสามารถเหล่านี้สามารถพิสูจน์ฝีมือของ เซกิ โอเซกิ ได้เป็นอย่างดี กับการเข้ามารับบทบาท “โกโบริ”
“ภูมิใจที่จะได้สวมบท “โกโบริ” ในนวนิยายรักอมตะที่ดังไปถึงญี่ปุ่น นวนิยายที่ถูกกล่าวขวัญถึงความรักระหว่างรบ ความรักของคนต่างชาติต่างภาษาความรักระหว่างคนที่สังคมกำหนดให้เป็นศัตรูกัน และที่สำคัญ ความรักชาติที่จะไม่มีอะไรมาสำคัญเท่า แม้กระทั่ง ชีวิตและจิตใจ ยอมรับเป็นบทที่ค่อนข้างยาก เพราะลำพังการแสดงภาพยนตร์ที่ผมเคยเล่นก็ไม่ใช่ง่ายแล้ว การแสดงละครเพลงหรือละครเวทีที่จะต้องสื่อสารออกมาเป็น ท่าทาง เป็น การร้องเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมต้องพูดและร้องเป็นภาษาไทย ท้าทายความสามารถมาก พี่ทีมงานช่วยฝึกร้อง ฝึกการออกเสียง ฝึกหายใจเข้า-ออกให้เป็นจังหวะ เพื่อให้เสียงที่ออกมามีพลัง และสามารถบังคับโทนเสียงได้ ทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากๆ ดีใจที่คนไทยให้โอกาสนี้กับผม และขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยให้ผมได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาการในการแสดงยิ่งขึ้น” เซกิ กล่าวฝากถึงคนไทยทุกคนว่า จะพยายามทุ่มเททั้งเวลาและความตั้งใจอย่างสูงสุดเพื่อให้สมกับที่แฟนๆ ที่รอคอย โดย ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ เซกิจะเดินทางมาพักที่เมืองไทย เพื่อทำการซ้อมละครเพลง “คู่กรรม” จนถึง วันแสดงจริง
“ผมบอกได้เลยว่า การสร้างละครเพลงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และยิ่ง “คู่กรรม” เป็นนวนิยายรักอมตะที่โด่งดังมากๆทั้งในไทย และ ญี่ปุ่น การนำมาทำในรูปแบบละครเพลง ยิ่งยาก นี่แหละที่ผมว่า เป็นเสน่ห์ของละครเพลง ผมบอกได้เลยครับว่าพลาดไม่ได้จริงๆ กับ ละครเพลงเรื่อง “คู่กรรม” ” เซกิ กล่าวทิ้งท้าย