ปัญหาผิวหนังชนิดหนึ่งทึ่เป็นเรื่องใหญ่และไม่มีใครให้คำตอบได้อย่างน่าพอใจ คือ ปัญหาหน้าท้องลาย หรือผิวแตกตามโคนขาของเด็กอ้วนและเด็กกำลังเติบโต
สำหรับผู้ที่เคยเป็นแล้ว โดยเฉพาะสุภาพสตรีสูงวัย สุภาพบุรุษ หรือแม้แต่เด็กวัยรุ่น คงไม่ต้องอธิบายว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเป็น เป็นกลุ่มที่สำคัญมาก เพราะหาทำความเข้าใจและหาทางป้องกันแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยลดปัญหาเรื่องนี้ลงไปได้
ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้มันเกิดแล้วตามแก้ไขภายหลัง ซึ่งทำได้ยากมาก
ลักษณะของรอยแตกที่เห็นชัด และเรียกกันว่าแตกลายนั้น สามารถพบได้ทุกแห่งที่ผิวหนังมีการยืดขยายให้กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยืดขยายระหว่างตั้งครรภ์ (หน้าท้องลาย) การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงวัยรุ่น หรือภาวะอ้วนซึ่งเป็นกันมากในปัจจุบัน
รอยแตกของผิวหนังพบได้ทั้งที่หน้าท้อง โดยเฉพาะด้านสีข้าง และบริเวณท้องน้อย (บริเวณนี้จะเป็นรอยในแนวตั้ง)
ร่องรอยก็คล้ายรอยแตกแยกของต้นมะขาม เวลาสัมผัสผิวหนังจะรู้สึกว่าตรงกลางรอยแยกเป็นแอ่งลงไป และหากบีบเบา ๆ ให้รอยแยกเข้ามาชิดกัน จะสังเกตว่าผิวหนังบริเวณนั้นนูนขึ้นมา ผิวกับผิวบริเวณข้างเคียง
รอยใหม่ๆ จะมีสีชมพู ส่วนรอยที่ทิ้งไว้นานเป็นปีๆ สีจะจางกว่าสีผิวปกติ
คนผิวคล้ำจะมองเห็นรอยนี้ได้ชัดเจน เพราะสีของรอยที่จางกว่าจะเด่นชัดเป็นพิเศษ หลังอาบแดดยิ่งเห็นรอยแตกนี้มากกว่าเดิม รอยเหล่านี้หากเป็นด้านหลังก็จะเรียงตัวในแนวขวางลำตัว แบ่งเป็นด้านซ้ายและขวา คล้ายเสือลายพาดกลอน
ผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรง มีผิวแตกลายบ้างก็ดูเท่ดีเหมือนกัน (อาจจะมีชื่อเล่นว่านายเสือก็ได้) มักพบที่ต้นขาซึ่งเป็นได้ทั้งแนวขวางและแนวตั้ง นอกจากนั้นยังอาจพบใต้ท้องแขน รอบ ๆ รักแร้ และใต้ราวนม
มีคนสนใจสาเหตุของการเกิดรอยเหล่านี้น้อยมาก ความจริงข้อหนึ่งก็คือ รอยเหล่านี้จะเกิดบริเวณกล้ามเนื้อเป็นแอ่ง ตรงรอยเหลื่อมของมัดกล้ามเนื้อ แต่จะไม่ค่อยเกิดบริเวณที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง จึงคาดว่ากล้ามเนื้อที่แข็งแรงเป็นตัวการสำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดร่องรอยเหล่านั้น
ดังนั้น หากคุณทราบและพยายามบริหารกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ ให้แข็งแรงอยู่เสมอ การเกิดรอยแตกเหล่านี้ก็จะมีน้อยลง เท่ากับเป็นการป้องกันหน้าท้องลายของว่าที่คุณแม่ รวมถึงรอยแตกบนผิวของเด็กที่กำลังเจริญเติบโต
ส่วนรอยแตกที่เกิดจากการอ้วนนั้น ชั้นไขมันที่เพิ่มอย่างมาก อยู่เหนือชั้นของกล้ามเนื้อขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง กล้ามเนื้อจึงไม่สามารถช่วยผ่อนคลายแรงที่กระทำต่อผิวหนังได้เท่าที่ควร อย่างไรก็ดียังมีเส้นใยกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่ยึดระหว่างพังผืดที่คลุมกล้ามเนื้อกับผิวหนังอยู่ หากเด็กที่กำลังอ้วนหมั่นออกกำลังกาย ก็จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับใยกล้ามเนื้อเล็ก ๆ เหล่านี้ได้ โอกาสในการเกิดรอยแตกของผิวก็ลดลงด้วย
ผู้ที่ประสบปัญหาเรื่องนี้ควรปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรอยแตกนั้นมีสีชมพูเรื่อๆ อยู่ การใช้ยาทา การออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นแข็งแรงขึ้น และเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ก็สามารถทำให้รอยแตกนั้นดูจางลง เล็กลง หรือหายไปได้ อย่างน้อยก็ลดความรุนแรงไม่ให้ลุกลามไปมากกว่าที่เป็นอยู่
ในอดีตเรื่องรอยแยกของผิวดูจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเป็นกับคุณแม่เท่านั้น ใครๆ ก็ยอมรับกันได้ ทางด้านจิตวิทยาถือเป็นรอยที่เกิดกับเหตุการณ์ที่เป็นบวก มีอารมณ์ร่วมที่ดี คือการได้เป็นแม่และได้สิ่งมหัศจรรย์ คือเด็กทารก มาให้คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดู
แต่รอยแยกของผิวเด็กกำลังโตซึ่งมีกระบวนการเกิดค่อนข้างคล้ายกันนั้น ทางด้านจิตวิทยาถือว่ามีความแตกต่างกับกรณีแรก เนื่องจากเด็กกำลังเริ่มค้นหาตัวเอง ต้องการความมั่นใจ จึงรักความสวยงามและรูปลักษณ์อย่างมาก หากเกิดปัญหาผิวหนังรุ่นใหม่จึงมองประเด็นนี้ด้วยความเป็นห่วง และต้องลงมือจัดการให้จริงจังมากขึ้น
นอกจากนั้นโรคอ้วนที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้ ก็บ่งบอกว่าสถิติการเกิดผิวหนังแยกในเด็กวัยรุ่นจะมากตามไปด้วย