การเรียกชื่อยาต่างๆ ที่มีขายในร้านขายยาแผนปัจจุบันหรือใช้ในสถานพยาบาล มีอยู่ 3 ลักษณะ คือ
- ชื่อทางเคมี แสดงถึงสูตรโครงสร้างโมเลกุลของยา
- ชื่อสามัญ เป็นชื่อง่ายๆ รู้จักแพร่หลายกว่าชื่อทางเคมี
- ชื่อทางการค้า บริษัทผู้ผลิตยาเพื่อการค้าจะตั้งชื่อจำเพาะของผลิตภัณฑ์ของตน ห้ามซ้ำกัน ต้องจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ชื่อที่ชาวบ้านได้ยินจากการโฆษณาทางสื่อต่างๆ คือชื่อการค้านี้เอง
ยกตัวอย่าง ยาลดไข้ แก้ปวด ที่ใช้กันแพร่หลาย คือ พาราเซตามอล มีชื่อดังนี้
- ชื่อทางเคมี N – acetyl – p- aminophenol
- ชื่อสามัญ พาราเซตามอล
- ชื่อทางการค้า พาราเซต เซตามอล ซารา ไทลีนอล ดากา คาลปอล เป็นต้น แม้จะเป็นยาชนิดเดียวกันแต่ราคาจะต่างกันแล้วแต่บริษัทนั้นๆ จะกำหนด
การรู้จักและซื้อยาโดยใช้ชื่อสามัญ มีประโยชน์ คือ
- อาจจ่ายเงินน้อยกว่าหากไม่เจาะจงชื่อการค้าของยา ซึ่งราคาจะตายตัว เราอาจได้ยาที่ต้องการ (ชื่อการค้าของบริษัทใดก็ได้) โดยพอเหมาะ กับ หรือ ประหยัดงบประมาณในกระเป๋าได้ คือ ถ้าเห็นว่าแพงเกินไปก็บอกเภสัชกรให้เปลี่ยนเป็นยาของบริษัทที่ถูกกว่าได้
- ไม่รับประทานยาซ้ำซ้อนถ้าไม่รู้จักชื่อสามัญของยา เข้าใจว่ายาคนละชื่อ (ทางการค้า) เป็นยาคนละชนิด ก็อาจซื้อยาชนิดเดิมแต่คนละชื่อมากินเสริมเข้าไป ทำให้สิ้นเปลืองเงิน เสียเวลาในการรักษา และอาจเกิดพิษจากยาเกินขนาดได้
- ยาแผนปัจจุบันทุกชนิดจะต้องแสดงชื่อสามัญและชื่อจดทะเบียนทางการค้า
- ชื่อทางการค้า จะสังเกตได้ว่ามี R หรือ TM กำกับอยู่ใกล้ชื่อ ย่อมาจาก Registered trademark (R) หรือ Trademark (TM)