สวัสดีครับ ตอนนี้ก็เป็นตอนจบสำหรับความเป็นหนึ่งบนทีร่ากันซักทีครับ เห็นโปสการ์ดแล้วอย่าเพิ่งงงครับว่าผมเอาอะไรมา ให้ดูเนี่ย รูปที่เห็นจะเป็นทัศนีภาพทางตอนเหนือของเกาะsantoriniครับ เรียกว่า Oia(เอีย) ที่นี่นั้นนอกจากจะมีบ้านสวยๆ แล้ว เค้าว่ากันว่าพระอาทิตย์ตกที่ Oia นี่สวยที่สุดครับ ผมคิดว่าเพราะOiaอยู่ตอนเหนือของเกาะ เพราะฉะนั้นเวลาพระอาทิตย์ตกน้ำ ที่นี่ก็คงจะคล้ายๆที่แหลมพรหมเทพ ภูเก็ตบ้านเราแหละครับ ดังนั้นทุกๆตอนเย็นที่Oia จะคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มารอดูพระ อาทิตย์ตกกัน ผมเองก็ไปดูมาสองวันครับ แต่ก็ไม่เห็นได้ดั่งใจคิดครับ เพราะจะมีเมฆมาบังซะก่อน เลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ดวง กลมๆโตๆตกน้ำซะที ทีนี้ที่ๆดูพระอาทิตย์ตกก็แล้วแต่ครับว่าคนจะจับจองได้ที่ไหน เรียกว่าประมาณสี่โมงเย็นก็เริ่มมีคนไปจับจอง ที่ทางกันแล้วครับ ซึ่งในหน้าร้อนกว่าพระอาทิตย์จะตกก็ปาเข้าไปเกือบๆหนึ่งทุ่มนั่นแหละครับ จับจองที่กันแล้วบางคน ก็มีขนมติดไม้ ติดมือมาทานบ้าง ตั้งขากล้องเพื่อถ่ายภาพบ้าง บางกลุ่มก็นั่งจับกลุ่มพูดคุยเรื่องชีวิต เรื่องท่องเที่ยว ประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็แล้วแต่ ่วากิจกรรมระหว่างนั้นจะทำอะไรกันมั่ง ที่เกาะแห่งนี้เค้าจะโปรโมตว่าถ้าอยากเห็นพระอาทิตย์ตกน้ำที่สวย ที่สุดต้องนั่งดูที่ชายหาด ครับ (ผมก็จำชื่อหาดไม่ได้ครับ แต่เป็นที่ Oia นี่แหละ) ซึ่งการจะลงไปสู่ชายหาด ได้จะต้องเดินลงบันได ไปข้างล่างประมาณ 400 ขั้นบันไดครับ ซึ่งก็คงสาหัสพอสมควรสำหรับคนสูงอายุหน่อย และนี่แหละครับคือที่มาของ Donkey Station ที่ผมเรียกกัน
การทานอาหารไปด้วยดูพระอาทิตย์ตกดินไปด้วย เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่อยากจะทำกัน ด้วยบรรยากาศแบบ สบายๆ ทานอาหารในสไตล์กรีก แต่การที่จะเดินลงไปชมวิวและพระอาทิตย์ตกดินที่ชายหาดแล้วเดินกลับขึ้นมารวม เกือบๆ 800 ขั้นบันได คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ดังนั้นวิธีการที่จะช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและทำให้คนในพื้นที่มีรายได้ก็ คือต้องมีพาหนะครับ แต่พาหนะอะไรล่ะจะเข้ากับธรรมชาติ เข้ากับบรรยากาศ มีอยู่อย่างเดียวครับคือใช้สัตว์ที่ขนาดพอประมาณ แต่แรงดี สัตว์ที่ว่า ก็คือ ลา(donkey)ครับ ราคาสำหรับพาหนะชนิดนี้ก็อยู่ที่เที่ยวละ 3 ยูโร หรือประมาณ 120 บาท ก็เป็นประโยชน์ดีครับ สำหรับคนที่ ขี้เกียจเดิน หรือคนสูงอายุหน่อย แต่ต้องการจะสัมผัสกับธรรมชาติ donkey station นี่ก็ใช่ว่าจะมีตลอดวันตลอดคืนนะครับ เพราะพอพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วท้องฟ้ามืดหน่อย เจ้าลาตัวน้อยก็กลับบ้านครับ ผมเข้าใจว่าคงจะอันตรายเกินไปที่จะขี่ลาในตอน กลางคืน เพราะระยะทางตามบันได จะมีไฟอยู่ไม่กี่จุดครับ นอกนั้นก็จะเป็นแสงสว่างที่มาจากบ้านเรือนซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นหาก ใครจะใช้บริการก็ต้องถามให้ดีครับว่าเค้าจะปิดสถานีกันเมื่อไหร่
หลังจากเฝ้าชมพระอาทิตย์ตกดินกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเดินเที่ยวในตลาดที่ Oia ครับ ที่นี่ร้านขายของจะเปิดอยู่ตามบ้าน ตลอดสองข้างทางที่ตอนกลางวันดูเหมือนจะเป็นบ้านเงียบๆ แต่พอตกกลางคืนก็จะขายของที่ระลึกต่างๆ ตั้งแต่ของเล็กๆน้อยๆ handmade ภาพวาด ไปจนถึงของชิ้นใหญ่ๆราคาแพงครับ ซึ่งก็คงได้แต่เสพทางสายตามากกว่าจะไปซื้อหาได้ สำหรับตัวผม ค่อนข้างประทับใจงานทางศิลปะที่ Oia ครับ มีอยู่ร้านหนึ่ง เค้าจะใช้เศษหิน เศษไม้ ค่อยๆมาวางเรียงกันเป็นภาพเหมือนบ้าน สไตล์กรีกของเกาะนี้ ผมเห็นแล้วค่อนข้างทึ่งครับ เพราะกว่าจะเลือกสีของหินแต่ละก้อน ไม้แต่ละแผ่น มาประกอบกันเป็นภาพที่มีมิติ มีความรู้สึก ต้องอาศัยเวลา ความตั้งใจ และความทุ่มเทกับมันซักเท่าไหร่ มองดูงานศิลปะแล้วก็มาย้อนคิดถึงชีวิตครับ งานทุกงาน ทุกความทุ่มเทที่เราลงไปให้มัน ถึงแม้เราจะมองไม่เห็นแนวทางของความสำเร็จในตอนแรกๆ ก็อย่าเพิ่งท้อครับ พยายามต่อไป วันนึง เมื่องานนั้นสำเร็จ เราก็จะภูมิใจ จะยิ้มกับมัน ว่าสิ่งที่เราทำขึ้นมาสัมฤทธิ์ผลอย่างที่เราตั้งใจ ผมเชื่อครับว่า งานทุกอย่างจะสำเร็จได้ ก็ต่อเมื่อเราเริ่มครับ เมื่อเริ่มแล้วก็อย่าท้อ แม้ว่าอุปสรรคนั้นมันจะบั่นทอนชีวิตเรามากขนาดไหน แต่ขณะเดียวกันอุปสรรค ก็ทำให้ชีวิต เราแกร่งได้ในเวลาเดียวกันครับ