การเลือกซื้อรถมือสอง
การเลือกซื้อรถมือสอง ขั้นตอนที่ 3 การศึกษาและการเตรียมตัว
เช่นเดียวกับหลายๆ สิ่งหลายอย่างในชีวิต ความรู้คือเครื่องมือในการเจรจาต่อรองและเป็นสิ่งป้องกันตัวที่ดีที่สุดที่คุณสามารถมีได้ ในส่วนนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับทางเลือกทั้งหมดในการซื้อรถมือสองสักคัน จากนั้นคุณก็จะได้อ่านคำแนะนำต่างๆ ในการดำเนินการที่ง่ายและสร้างความพอใจมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การทำการศึกษาในเบื้องต้นบางอย่าง และสร้างเกราะคุ้มกันให้กับตัวเองด้วยความรู้นั้นจะช่วยในขบวนการในการซื้อรถมือสอง
จะซื้อรถมือสองได้ที่ไหน? มันมีแหล่งในการซื้อรถมือสองจำนวนมาก และคงจะเป็นการลำบากที่จะให้ระบุว่าที่ไหนที่คุณจะได้รับราคาที่ดีที่สุด ตัวเลือกต่างๆ เช่น การประมูล, บริษัทจำหน่ายรถใหม่, คลังรถมือสองส่วนตัว, ผู้จำหน่ายส่วนตัว, บริษัทรถเช่า หรือห้างรถมือสอง
1. บริษัทรถใหม่ ตามปกติแล้ว บริษัทรถใหม่มักจะทำกำไรส่วนใหญ่มาจากคลังรถมือสอง แต่ไม่ใช่รถใหม่ เหตุผลก้คือว่า ถึงแม้ว่าราคารถมือสองอาจจะต่ำกว่า แต่การเพิ่มราคาของรถเก่านั้นมักจะสูงกว่ารถใหม่ กล่าวคือ บริษัทผู้จำหน่ายรถจะซื้อรถมือสองมาที่ราคาหนึ่งจากผู้ที่กระหายที่จะซื้อรถใหม่ด้วยราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก จากนั้น บริษัทก็จะพยายามที่จะขายรถคันดังกล่าวให้ราคาที่สูงกว่าเดิมมาก (บางครั้งอาจมากถึง 3 เท่าตัวของราคาที่บริษัทจ่ายไปเลยทีเดียว) ซึ่งก็เป็นการคืนกำไรให้กับตนเองนั่นเอง เพราะว่ามีหลายๆ คนที่นำรถเก่ามาแลกเปลี่ยนเพื่อต้องการที่จะซื้อรถใหม่ บริษัทผู้จำหน่ายรถจึงมักมีตัวเลือกรถมือสองให้เลือกจำนวนมาก สำหรับบริษัทที่มีชื่อส่วนใหญ่ก็มักจะต้องทำให้แน่ใจก่อนว่า รถเหล่านั้นมีสภาพที่ดีจริงๆ พวกเขาจึงจะให้ราคาที่ดีได้
2. แหล่งรถมือสองอิสระ การซื้อรถจากพนักงานขายรถมือสองนั้นก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกันกับการซื้อรถมือสองจากบริษัทขายรถใหม่ พวกนี้อาจจะมีรถให้เลือกจำนวนมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันก็จะมีรถจำนวนมากที่เป็นรุ่นที่เก่ามากๆ เลยทีเดียว ถ้าคุณกำลังหารถประเภทที่หายาก สถานที่แห่งนี้จึงสามารถที่จะเป็นคลังรถมือสองที่ดีของคุณแหล่งหนึ่งได้ แต่ถ้าคุณเลือกที่จะมาที่นี้ ก็ต้องเตรียมตัวรับกลยุทธิ์การขายที่มีความกดดันสูงด้วย และต้องขยันเช็ครถให้ทั่ว และต้องจดทุกคำสัญญาของคนขายลงกระดาษด้วย
3. การประมูล การประมูลอาจจะเป็นแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุดในการซื้อรถมือสอง มันเป็นเรื่องยากที่จะประมูลได้เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาร่วมประมูลนั้นมักจะเป็นพวกตัวแทนจากบริษัทรถนั่นเอง นอกจากนั้น รถบางคันที่ถูกนำมาจำหน่ายในการประมูลก็มักจะผ่านอุบัติเหตุหนักๆ จนต้องซ่อมกันใหม่ด้วย คุณสามารถติดต่อบริษัทในการซื้อรถให้คุณสักคันจากการประมูลได้ แต่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับบริษัทเพื่อเป็นค่าบริการด้วย ตัวคุณเองไม่สามารถที่จะเห็นหรือทดสอบขับรถก่อนที่คุณจะซื้อได้ และมีโอกาสในการรู้จักรถดังกล่าวน้อยมาก นอกจากนั้น คุณก็จะต้องจ่ายเงินสดด้วย การประมูลจึงเป็นสิ่งที่เสี่ยง และเราก็ขอแนะนำให้คุณเลี่ยงมันเสีย การหาข้อเสนอดีๆ สักอย่างจากการประมูลนั้นเปรียบได้รับการถูกล็อตเตอรี่เลยทีเดียว กล่าวคือ มันเป็นไปได้แน่นอน แต่โอกาสนั้นน้อยมากที่จะเจอ
4. ผู้จำหน่ายส่วนตัว แม้ว่ามันอาจจะใช้เวลามากหน่อย แต่การซื้อรถมือสองจากผู้จำหน่ายส่วนตัวนั้นก็มักจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดใน การหารถที่มีคุณภาพสักคันในราคาที่ไม่สูงนัก ไม่ว่าคุณจะซื้อรถมาโดยผ่านโฆษณาตามหนังสือพิมพ์, อินเตอร์เนต, หรือจากปากใครสักคนก็ตาม ผู้จำหน่ายส่วนตัวก็มักจะตั้งราคาที่อยู่ระหว่างราคาในท้องตลาด และราคาตามการแลกเปลี่ยน พวกเขารู้ว่ารถได้รับการดูแลรักษาอย่างไร, เก็บอย่างไร และรับการบริการอย่างไร และพวกเขาก็ยินดีที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับเบื้องหลังของรถให้ด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม คุณก็ควรจะระมัดระวังตัวด้วย เพราะว่าบริษัทบางบริษัทอาจจะทำเป็นมาติดประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์ให้ดูเหมือนเป็นผู้จำหน่ายส่วนตัวก็ได้
นอกจากนั้น ตัวผู้จำหน่ายสินค้าก็อาจจะทำเป็นลืมพูดถึงส่วนไม่ดีเกี่ยวกับรถ ถ้าคุณไม่ขอให้เขาพูดออกมาด้วย และข้างล่างนี้ก็คือรายการคำถามที่คุณควรจะถามผู้ขายเมื่อคุณโทรศัพท์หาเขา
– คุณคิดราคารถเท่าไหร่? (ลองมองหาสัญญาณที่บอกว่าผู้ขายอาจจะเต็มใจให้ต่อรองราคาได้)
– ลองบอกรายละเอียดของรถคุณหน่อยซิ – สภาพเป็นอย่างไร? (จดเอาไว้ และนำไปเปรียบเทียบเมื่อเวลาที่คุณเห็นรถด้วยตัวของคุณเอง ถ้าตัวผู้ขายเผยข้อเสียบางอย่าง ก็ให้จดเอาไว้เพื่อเอาไว้เป็นส่วนลดเวลาที่คุณต่อรองราคา)
– คุณเป็นเจ้าของคันนี้มานานเท่าไหร่แล้ว? (ระบุใหั้แน่ชัดว่าคุณกำลังคุยอยู่กับเจ้าของคนแรก)
– ทำไมคุณถึงขาย? (คำตอบต่างๆ จะมีประโยชน์เพราะในฐานะของผู้ซื้อ คุณลองพิจารณาดูว่ารถคันนี้น่าเชื่อถือหรือไม่?)
– ประกาศขายมานานเท่าไหร่แล้ว (คำถามนี้จะทำให้คุณสามารถขอให้เขาลดราคาลง และมันอาจจะแสดงให้เห็นว่าผู้ขายมีความกระหายในการขายรถคันดังกล่าวมากเพียงใด)
– รถเคยเจออุบัติเหตุบ้างหรือไม่?
– คุณได้รถคันนี้มาจากไหน? เมื่อไหร่?
– ปัญหาที่เคยเกิดกับรถคันดังกล่าวมีอะไรบ้าง? เคยมีการซ่อมแซมบ้างหรือไม่?
– มีประวัติการเข้าบริการในศูนย์หรือเปล่า? (ถ้าไม่มีก็หมายความว่า คุณกำลังคุยกับเจ้าของที่ไม่ถูกตัว หรือไม่ก็เขาอาจจะกำลังปิดบังประวัติที่ไม่ดีของรถอยู่)
– คุณคือพวกจำหน่ายรายย่อยหรือทำงานประเภทนี้หรือเปล่า?
– คุณใช้รถอะไรอยู่ตอนนี้ ปัญหาใหญ่ของการซื้อรถจากผู้จำหน่ายส่วนตัวก็คือการไม่มีประกันภัย ประกันภัยสามารถที่จะซื้อจากบริษัทผู้จำหน่ายรถใหม่ หรือรถมือสองอื่นๆ ก็ได้ โรงงานหรือบริษัทประกันภัยเอกชน แต่โดยรวมแล้วการซื้อรถจากผู้จำหน่ายส่วนตัวคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้รถมือสองราคาที่เหมาะสม
แต่ที่ดีกว่าก็คือการซื้อรถจากคนที่เรารู้จัก เช่น เพื่อนหรือญาติ คุณอาจจะรู้ประวัติของรถนั้นแล้ว มันได้รับการดูแลรักษาอย่างไร และคนนั้นอาศัยอยู่ที่ไหน ถ้าเขาเกิดโกงคุณขึ้นมา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จงมั่นใจว่าคุณได้ทำการบ้านและทำตามข้อเสนอแนะของเราแล้ว เพื่อที่จะทำให้คุณมั่นใจว่า คุณได้ข้อตกลงที่ดีจากการซื้อรถมือสองสักคัน
5. บริษัทรถเช่า รถเช่าปกติแล้วจะมีระดับไมล์สูง ซึ่งก็ถูกใช้งานโดยคนหลายคนมาก และก็แน่นอนว่าต้องใช้งานหนัก แต่อย่างไรก็ตาม รถพวกนี้มักจะมีบันทึกการเข้าศูนย์ที่แสดงให้เห็นว่ารถเหล่านี้ได้รับการรักษาอย่างดี และมักจะถูกนำมาขายในราคาที่สมเหตุสมผล ในการหารถมือสองที่ถูกขายโดยบริษัทรถเช่านั้นให้เช็คที่สมุดหน้าเหลือง และให้จำไว้ด้วยว่าคลังรถเก่าและรถใหม่จำนวนมากก็มักจะขายรถที่ซื้อมา จากบริษัทรถเช่านี้ด้วยเช่นกัน
6. ห้างรถมือสอง เหมือนกับที่อื่นๆ บริษัทผู้จำหน่ายรถบางรายมักจะเป็นในลักษณะของ “ซุปเปอร์สโตร์” บริษัทประเภทนี้มักจะมีรถที่มีไมล์ต่ำให้เลือกจำนวนมาก รวมทั้งรถที่ตกรุ่นและมักจะซื้อมาในแต่ละครั้งจำนวนมาก ซึ่งก็หมายความว่า บริษัทเหล่านี้สามารถที่จะให้การลดราคากับลูกค้าได้ บริษัทเหล่านี้มักจะเป็นคลังสินค้าที่ไม่มีการต่อรอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ได้รับข้อเสนอที่ดีได้ แต่ก็ลองเทียบราคาด้วยเพราะว่าร้านบางร้านจะตั้งราคาสูง แต่รถมือสองที่จำหน่ายโดยบริษัทใหญ่ๆ เช่นนี้มักจะได้รับการเช็คปัญหาต่างๆ ของเครื่องยนต์จนทั่ว รวมทั้งส่วนใหญ่ก็มักจะให้การประกันด้วย บริษัทจำหน่ายรายย่อยกับผู้จำหน่ายส่วนตัว
สำหรับแหล่งที่ธรรมดาที่สุดที่ประชาชนมักจะใช้ในการมองหารถมือสองนั้นก็คือ โฆษณาทางหน้าหนังสือพิมพ์ของบริษัทผู้จำหน่ายรถและผู้จำหน่ายส่วนตัว แต่อย่างไหนหล่ะที่ดีกว่า? คุณอาจจะทรายจากบทความข้างบนแล้วว่า ทั้งสองแหล่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่เราขอแนะนำให้คุณลองซื้อจากผู้จำหน่ายส่วนตัวก่อนโดยหาตามประกาศหรือจาก ใครบางคนที่คุณรู้จัก วิธีนี้มักจะเป็นวิธีที่ไร้ความกดดันมากที่สุดในการซื้อรถมือสอง เพราะว่าตัวผู้ขายจะไม่คิด, พูดหรือแสดงกริยาเหมือนกับพนักงานขายรถ และส่วนใหญ่ก็มักจะเสนอราคาที่สมเหตุสมผล มักจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติรถ, ไม่พยายามที่จะขายอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่นการกันสนิม เป็นต้น และมักจะพยายามต่อรองน้อยที่สุด (เพราะเขาไม่ต้องการรถนั้นอีกต่อไปแล้ว) ถ้าคุณมองหารถที่มียี่ห้อและรุ่นที่หายากแล้วหล่ะก็ และก้ดูเหมือนจะหารถที่คุณต้องการไม่เจอหรือไม่ชอบการเจรจาต่อรองมากนัก การซื้อรถจากบริษัทอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการซื้อรถมือสองของคุณได้
ราคาซื้อ เมื่อซื้อรถใหม่หรือรถเก่าก็ตาม กฎที่สำคัญที่สุดที่ควรจำก็คือ อย่าพยายามตกหลุมรักกับรถที่คุณกำลังคิดจะซื้อ เพราะการเจรจาเรื่องราคามักจะสูงมาก จงระลึกไว้เสมอว่า การคิดว่าจะต้องเอารถคันใดคันหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงนั้นสามารถผลาญเงินของคุณ ได้มากกว่าการที่คุณตัดสินใจผิดในการ ซื้อรถใหม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าคุณพร้อมที่จะเดินออกจากร้าน โดยไม่ซื้อรถสักคัน และถ้าคุณทำให้คนขายเห็นทีท่าของคุณที่ชัดเจน คุณก็จะสามารถได้รับข้อตกลงที่ดีเพิ่มมากขึ้นอย่างเหลือเชื่อด้วย เมื่อถูกเสนอราคาหนึ่งเข้ามา ให้ทราบราคาตลาดของรถไว้เสมอด้วย และพยายามเสนอราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า หรือแม้แต่ต่ำกว่าราคาแลกเปลี่ยนก็ตาม คุณสามารถที่จะเพิ่มราคาให้สูงขึ้นจากที่ตั้งไว้ต่ำได้เสมอ แต่ถ้าคุณเริ่มตั้งราคาที่สูงเกินไป มันจะยากมากที่จะทำให้ราคาลดลงได้
การใช้อินเตอร์เนต
มีวิธีในการใช้อินเตอร์เนตเพื่อการซื้อรถมือสองอยู่สองวิธีคือ การศึกษาและการซื้อ อินเตอร์เนตนั้นคือ วิถีทางเพื่การศึกษาก่อนซื้อรถที่ดีมากวิธีหนึ่ง หลังจากที่คุณทราบทั้งราคาแลกเปลี่ยนและราคาในท้องตลาดของรถที่คุณสนใจแล้ว คุณก็ควรที่จะลองเทียบราคาดู ตามเว็บไซต์ต่างๆ สำหรับการซื้อรถมือสองแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าคุณอาจจะพบรถคันที่คุณต้องการจากร้านตามท้องถนนแล้วก็ตาม แต่เว็บเหล่านี้ก็สามารถที่จะช่วยคุณในการทราบว่ารถคันดังกล่าวนั้นมีจุดขาย อะไร ราคารถมือสองสามารถที่จะขึ้นๆ ลงๆ ได้ตามเขตทางภูมิศาสตร์และความนิยมในปัจจุบัน
การค้นหาลักษณะพิเศษเดียวกันของรถคันอื่นๆ ในเขตพื้นที่ของคุณบนอินเตอร์เนตก็ทำให้คุณสามารถเปรียบเทียบแต่ละที่ได้โดยที่ไม่ต้องพูดคุยกับใคร หรือติดต่อกับพนักงานขาย นอกจากนั้น มันก็ยังทำให้คุณสามารถทราบถึงราคาที่แท้จริงในตลาดได้ อินเตอร์เนตสามารถที่จะบรรจุตัวเลือกรถยนต์ไว้ได้จำนวนมากในพื้นที่แห่งเดียว และมันก็ง่ายที่จะดำเนินขั้นตอนต่อไปได้เลย นั่นคือ การทดสอบขับรถ เพียงแต่ติดต่อไปยังผู้ขายและทำการนัดหมาย
การจ่ายเงินและสินเชื่อ ทันทีที่คุณลดตัวเลือกรถที่คุณอยากได้ลงเหลือ 2-3 คัน ที่คุณสามารถรับได้แล้วล่ะก็ คุณก็คงพร้อมที่จะทำตามขั้นตอนต่อไป แต่ก่อนที่คุณจะวิ่งไปเซ็นสัญญา มันยังมีประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องเงินทองที่จะต้องคำนึงถึงก่อนด้วย กล่าวคือ คุณน่าจะมีราคาเงินกู้สัก 2 ที่ หนึ่งคือจากธนาคารหรือจากสหกรณ์ของคุณ และสองจากแหล่งการเงินอื่นๆ ให้ใช้ตัวเลือกที่ดีที่สุด โดยดูที่การจ่ายเงินรายเดือนและค่าประกันรถ ถ้าการจ่ายเงินรายเดือนอยู่ที่ประมาณ 15% ของรายได้ในแต่ละเดือนก็ดีใจได้ว่าคุณได้ใช้การพิจารณาที่ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าการจ่ายเงินในแต่ละเดือนสูงกว่า 15% ของรายได้รายเดือน คุณก็ควรจะคำนวณใหม่อีกครั้งว่ารถแบบไหนที่จะเหมาะสมกับงบประมาณของคุณบ้าง
รถมือสองมักจะต้องการการดูแลรักษาที่มากกว่ารถใหม่ ดังนั้นเรื่องประหยัดเงินไม่ต้องคิดกันเลย เพราะมันจะหมดไปกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเดือนต่อเดือนที่สูงกว่ารถมือสองที่ได้รับการรับรองแล้ว คุณจะต้องทำอย่างไรกับรถคันปัจจุบันของคุณ การนำไปแลกเปลี่ยนกับการนำไปขายด้วยตัวของคุณเอง ถ้าคุณไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินสดนัก อย่านำรถของคุณไปแลกกับบริษัทจะดีกว่า เนื่องจากบริษัทจำหน่ายรถส่วนใหญ่มักจะไม่ให้ราคาตามราคาจริง คุณจึงได้รับเงินที่น้อยมาก
การขายรถของคุณอาจจะใช้เวลาและใช้แผนการนิดหน่อย สิ่งที่ต้องทำสิ่งแรกเลยก็คือการคำนวณว่ารถของคุณในปัจจุบันนั้นมีราคาเท่าไหร่ จากนั้นก็ปรับปรุงสภาพรถ ไมล์ที่สูงหรือต่ำ และอุปกรณ์ต่างๆ (ให้ทำด้วยความซื่อตรง) คุณอาจจะพิจารณาตากการประกาศขายรสที่คล้ายกับรถของคุณจากแหล่งต่างๆ เพื่อดูว่าเขาตั้งราคากันเท่าไหร่ ถ้าราคาที่คุณคำนวณมันสูงไป ก็ให้ลองคำนวณใหม่อีกครั้ง หรือบางทีคุณอาจจะตั้งราคาต่ำไป เป็นต้น สำหรับราคาของการขายครั้งที่สองนั้นจะแตกต่างกันออกไปตามเขตทางภูมิศาสตร์ รวมทั้งความนิยมในปัจจุบัน ทันทีที่คุณได้กำหนดราคาของรถคุณได้แล้ว ก็ให้ติดประกาศลงในอินเตอร์เน็ต และคอยรับโทรศัพท์ เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น ให้พร้อมที่จะตอบคำถามทุกคำถามที่คุณจะถูกถาม พร้อมที่จะอธิบายประวัติรถ, ประวัติเครื่องยนต์, ข้อเสียและคุณสมบัติต่างๆ พยายามเน้นข้อดีของรถคุณ และพยายามทำให้ข้อเสียต่างๆ กลายเป็นข้อดี ถ้าเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณขายรถฟอร์ด คุณทราบดีว่าลูกค้าอาจจะไม่ต้องการที่จะเป็นฝ่ายถามก่อน ดังนั้น ก็ให้คุณอธิบายว่าดิสก์เบรคสี่ล้อของรถดังกล่าวมีความสามารถในการหยุดรถที่ดีอย่างไร, ระบบกันสะเทือนมันดีอย่างไร เป็นต้น รถก็อาจจะถูกซื้อไปสำหรับคนที่กำลังมองหารถที่ปลอดภัย ไร้ข้อกังวลใจเพื่อใช้รับส่งลูกสาวของเขาไปเรียน เป็นต้น
โดยปกติแล้ว มันจะเป็นการดีมากที่จะพบหน้าผู้ซื้อในสถานที่สาธารณะสักแห่ง และให้นัดแฟนหรือเพื่อนไปด้วยเพื่อความปลอดภัย จดข้อมูลที่สำคัญๆ ของลูกค้า เช่น ชื่อ, ที่อยู่และหมายเลขใบขับขี่ เป็นต้น ให้ขอใบขับขี่ของเขามาดูก่อนที่จะอนุญาตให้ใครมาทดสอบรถ เนื่องจากบริษัทประกันภัยส่วนใหญ่จะให้การประกันผู้ขับที่มีใบขับชี่เท่านั้น ในกรณีถ้าเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้น การยกเลิกสัญญา ถ้าพวกเขาชอบลักษณะการขับเคลื่อนของรถ และตัดสินใจที่จะเสนอราคาที่คุณสามารถยอมรับได้ ก็ให้ขอเงินล่วงหน้าและสัญญาการซื้อด้วย สัญญาอาจจะพิมพ์มาก่อนหน้านี้ และควรระบุปี, ยี่ห้อและรุ่น, หมายเลข VIN ของรถ, จำนวนเงินล่วงหน้าที่ผู้ซื้อได้มอบและสถานที่ที่กรอกใบสัญญา ทั้งคุณและผู้ซื้อต้องเซ็นชื่อและวันที่ทำสัญญา รวมทั้งทำสำเนาเอาไว้ด้วย การรับเงินล่วงหน้า ก้เท่ากับว่าคุณทำสัญญากับผู้ซื้อแล้ว ดังนั้น คุณไม่สามารถที่จะขายรถคันดังกล่าวให้คนอื่นได้อีก แม้ว่าเขาจะให้ราคาที่ดีกว่าก็ตาม
เมื่อคุณพร้อมที่จะโอนรถ ผู้ซื้อต้องแสดงแคชเชียร์เช็คจากสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่ง และคุณเองก็ควรมอบทะเบียนและรถให้เขา ถ้าคุณยังไม่ได้เป็นเจ้าของรถอย่างชัดเจน ทะเบียนอาจจะอยู่ในมือของสหกรณ์หรือธนาคาร ผู้ซื้อก็ควรจะเป็นผู้ที่ตรวจสอบกับสถาบันการเงินแทนคุณได้ (ให้แน่ใจว่าตรวจสอบกับสถาบันสินเชื่อของคุณให้แน่ใจสำหรับขั้นตอนที่แน่นอนด้วย) ทั้งสองฝ่ายควรเดินทางไปที่ธนาคารของคุณเพื่อจ่ายเงินกู้ด้วยกัน รวมทั้งทำเอกสารและโอนชื่อ ดังนั้นจงมั่นใจว่าได้ยกเลิกการประกันของรถแล้ว เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าประกันของรถที่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอีกต่อไปซ้ำซ้อน