ไม่ใช่แค่ป่าเขาใหญ่เท่านั้น ที่ยูเนสโก ขึ้นทําเนียบให้เป็นมรดกโลกทาง
ธรรมชาติ แต่ยังมีป่าใหญ่อีกแห่ง ที่ถูกประกาศให้เป็นสมบัติที่ธรรมชาติ มอบให้กับชาวโลกเช่นกัน นั่นคือป่าใหญ่ แห่ง “ห้วยขาแข้ง”
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ จนเป็น เสมือนขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ของมวลป่า และ ณ เวลานี้ นับเป็นโอกาสอันดี ที่ป่าปิดแห่งนี้เปิดม่านเหล็ก พร้อมต้อนรับ นักเดินป่า ฉะนั้นจงหาเวลาว่างไปท่องป่า ห้วยขาแข้ง แล้วจะรู้ว่าป่าแห่งนี้มีดีเพียงใด
คําว่า “ป่าห้วยขาแข้ง” มาจากชื่อ ย่อที่ใช้เรียกขาน “เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ ป่าห้วยขาแข้ง” ที่ปัจจุบันกรมป่าไม้ได้ ผ่อนปรนกฎระเบียบที่เคร่งครัด อนุญาต ให้คนทั่วไป สามารถเข้าไปสัมผัสความ มหัศจรรย์ของป่าแห่งนี้ได้ แต่ต้องอยู่ ภายใต้กฎเกณฑ์ที่กําหนด เพราะพื้นที่ เหล่านี้ จัดอยู่ในประเภทเป็นเขตอนุรักษ์ มีความอ่อนไหวสูงต่อผลกระทบในด้าน สมดุลของระบบนิเวศ
ด้วยความที่ป่าห้วยขาแข้ง กินพื้นที่ ถึง 3 จังหวัดคือ อุทัยธานี กาญจนบุรี และตาก ซึ่งก็รวมพื้นที่ของเขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเข้ามาด้วย จนกลายเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ที่สุดของ เมืองไทย และของภูมิภาคเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่มาก
ในสังคมป่าแห่งนี้ ประกอบด้วยป่า ถึง 5 ใน 7 ชนิด ที่พบในเขตร้อนชื้น นั่น คือ ป่าดงดิบ ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าผลัดใบสลับทุ่งหญ้า ตลอดจนเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่าที่ใกล้ สูญพันธุ์ เช่น ควายป่า เลียงผา เสือดาว หมาใน ไก่ป่า รวมถึงแมลงพันธุ์ต่างๆ มากมาย ก่อให้เกิดความหลากหลายของ สายพันธุ์ พืชและพันธุ์สัตว์ป่า จนเป็นดั่ง ธนาคารแห่งพันธุกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่ง หนึ่งของโลก
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดาย ที่ถึงแม้ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พยายามผ่อนคลายด้วยการเปิดจุดผ่อนปรน ที่เป็นเสมือน “ห้องรับแขก” ให้นักท่องป่า เข้าไปศึกษาธรรมชาติได้ แต่ก็อนุญาตให้ ใช้เส้นทางได้เพียง 3 จุดเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว และมีข้อแม้ ด้วยว่าต้องไม่ค้างคืนในจุดที่ห้ามไว้ ยกเว้นที่บริเวณที่ทําการฯ บริเวณหน่วยพิทักษ์ ป่าไซเบอร์ และที่หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ดี