X

แมวน้อย แมวใหญ่…สารอาหารอะไรที่สำคัญ

แมวต้องการสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุไม่ต่างไปจากคนเท่าใดนัก การรู้จักสารอาหารต่างๆที่มีผลต่อสุขภาพของแมวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ศูนย์ผู้บริโภคเนสท์เล่ จึงได้เรียนเชิญ นายสัตวแพทย์ชาลี ลีละสิริ มาเป็นผู้ให้ความรู้แก่ผู้บริโภค ในหัวข้อ “แมวน้อย แมวใหญ่…สารอาหารอะไรที่สำคัญ”

ไขมันและกรดไขมัน

ในร่างกายของทั้งคนและสัตว์ต้องการไขมัน ซึ่งจะทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวกันกระแทกของอวัยวะหลาย ๆ ส่วนภายในร่างกาย กรดไขมันที่แมวต้องการ คือ กรดไลโนลิอิก และกรดอะราชิโดนิค เพื่อนำไปสร้างคลอเรสเตอรอล และฮอร์โมนเพศ ซึ่งถ้าไม่มีกรดตัวนี้ระบบสืบพันธุ์จะทำงานผิดปกติ

โดยปกติกรดไขมันส่วนใหญ่จะทำหน้าที่เกี่ยวกับผิวหนังและขน หากมีกรดไขมันน้อยเกินไป นอกจากจะทำให้แมวมีน้ำหนักลดลงแล้ว ขนของแมวจะด้านไม่เป็นมัน ขนร่วง และผิวหนังอักเสบเยิ้ม นอกจากนี้ การขาดไขมันในลูกแมวจะทำให้มีการเจริญเติบโตผิดปกติ หรือถ้าได้รับไขมันไม่อิ่มตัวมากๆ เมื่อมีการย่อยในร่างกายจะทำให้เกิดการหืนเป็นพิษต่อร่างกาย และเกิดอาการโรคไขมันอักเสบในตับและไต

หากมีไขมันมากเกินไป เมื่อร่างกายย่อยไม่หมด แมวจะเกิดอาการท้องเสีย เนื่องจากน้ำดีย่อยไขมันได้ไม่หมด และถ้าแมวกินไขมันไม่อิ่มตัวเข้าไปมาก ๆ ร่างกายก็ต้องการวิตามินอีเพิ่มขึ้น เพราะวิตามินอี คือสารกันหืนในร่างกาย วิตามินอีเมื่อถูกออกซิเดชั่นแล้วจะไม่เป็นพิษต่อร่างกาย ในไขมันของปลาทูน่าจะมีวิตามินอีน้อยแต่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาทูน่าในน้ำมันที่แมวชอบกินนั้น หากให้กินมากไปจะทำให้ร่างกายขาดวิตามินอี เป็นโรค pansteatitis หรือ Yellow fat disease

โปรตีนและกรดอะมิโน

ร่างกายของสัตว์ทุกชนิดมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบเป็นส่วนใหญ่ และเป็นสารอาหารที่ต้องคำนึงถึง มากที่สุด ว่าเพียงพอหรือไม่ มีสัดส่วนของกรดอะมิโนสมดุลหรือไม่ ส่วนประกอบที่สำคัญของโมเลกุลโปรตีน คือ ไนโตรเจน ซึ่งร่างกายมีการขับส่วนเกินหรือที่เป็นพิษซึ่งเรียกว่ายูเรียออกทางปัสสาวะ ความสำคัญประการหนึ่งของการบริโภคโปรตีน คือไม่มีการเก็บไว้ หากกินเกินก็จะขับออกมาเป็นยูเรีย สำหรับลูกแมวที่กำลังเจริญเติบโตจะขับยูเรียออกมาน้อย เนื่องจากร่างกายต้องนำไปสร้างเนื้อเยื่อ แต่สำหรับแมวที่โตแล้วและไม่ได้ท้อง การขับไนโตรเจนออกมาจะอยู่ในภาวะสมดุล คือการกินเข้าไปและการถ่ายออกมามีปริมาณพอๆ กัน ถ้าแมวถ่ายยูเรียออกมามากๆ แสดงว่าป่วยหนัก ไตวาย ขาดอาหารเพราะร่างกายสูญเสียโปรตีนไปเรื่อย ๆ

กรดอะมิโนที่สำคัญอีกสองตัว คือ กรดอะมิโนอาจีนีน และกรดอะมิโนทอรีน กรดอะมิโนอาจีนีนมีความสำคัญในขบวนการขับแอมโมเนียออกจากร่างกายในรูปของยูเรียทางปัสสาวะ เพราะแอมโมเนียเป็นสารพิษที่เกิดขึ้นในขบวนการย่อยสลายโปรตีน กรดอะมิโนอาจีนีน มีความสำคัญมากในอาหารแมว เพราะถ้าให้แมวกินอาหารที่ไม่มีกรดอาจีนีน จะแสดงอาการเป็นพิษเนื่องจากแอมโมเนียในเลือดจะสูงขึ้นทันทีภายในไม่กี่ชั่วโมง อาการจะประกอบด้วย อาเจียน กล้ามเนื้อเกร็ง กระตุก ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจถึงตายได้

สำหรับกรดอะมิโนทอรีนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกล้ามเนื้อหัวใจ และจอรับภาพในเรติน่า ซึ่งจะมีทอรีนอยู่เป็นปริมาณมากเป็น 100 – 400 เท่าของเนื้อเยื่ออื่น หน้าที่ของทอรีน คือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการสร้างน้ำดี การรับภาพของลูกนัยน์ตา และการทำงานที่เป็นปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ นอกจากนี้ ทอรีนยังมีส่วนสำคัญในขบวนการสืบพันธ์ของแมว แมวใช้กรดอะมิโนตัวอื่นแทนการสังเคราะห์น้ำดีไม่ได้เหมือนสัตว์อื่นๆ ดังนั้นแมวจึงเป็นสัตว์ขนิดเดียวที่พบอาการขาดทอรีนได้ และทอรีนจะพบได้ในเนื้อสัตว์เท่านั้น เช่นเนื้อวัว เนื้อไก่ และเนื้อปลา

หากแมวขาดกรดอะมิโนทอรีนจะทำให้จอภาพเรติน่าเสื่อม ซึ่งจะสังเกตได้ยาก จะรู้ได้ก็เมื่อแมวตาบอดไปแล้ว นอกจากนี้การขาดทอรีนยัง ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจของแมวเต้นผิดจังหวะ ทำให้หัวใจวายได้ AAFCO กำหนดไว้ว่าต้องมีทอรีนในอาหารแมวกระป๋องอย่างน้อย 2000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม หรือ 1000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมในอาหารแห้ง

สำหรับท่านที่ชอบให้แมวกินช็อคโกแล็ต ถ้าให้กินมากเกินไปแมวจะรู้สึกมึน อาจถึงตายได้ เพราะแมวจะขับถ่ายออกจากร่างกายได้เพียง 1 ใน 10 ของคน

วิตะมินที่แมวต้องการ

วิตามินเอ

แมวต้องได้รับวิตามินเอในรูปที่พร้อมใช้งาน อาการขาดวิตามินเอจะไม่ค่อยพบในแมว เพราะในอาหารส่วนใหญ่มีเพียงพออยู่แล้ว แต่สามารถที่จะพบแมวที่ได้รับพิษจากวิตามินเอ เกินขนาดได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเสริมอาหารด้วยน้ำมันตับปลา อาการที่พบคือการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของกระดูก ซึ่งอาจทำให้พิการได้

วิตามินดี

มีความสำคัญในขบวนการสร้างกระดูก ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เองจากผิวหนัง แต่ในกรณีของแมวควรได้รับจากอาหารด้วย การขาดวิตามินดีจะทำให้เกิดอาการกระดูกเปราะ แต่ถ้าได้รับมากเกินไป จะทำให้มีแคลเซี่ยมมาเกาะที่เนื้อเยื่ออื่นๆ

วิตามินอี

มีหน้าที่เป็นสารกันหืนในร่างกาย หากขาดวิตามินอีจะทำให้เกิดอาการ “Yellow Fat Disease” หรือการอักเสบของไขมัน แมวจะมีไข้ ปวดตามเนื้อตามตัว ส่วนมากจะเกิดจากการกินปลาทูน่ากระป๋องมากเกินไป

แคลเซี่ยมและฟอสฟอรัส

แมวต้องการแคลเซี่ยมวันละ 200 – 400 มิลลิกรัม อาการ ขาดแร่ธาตุสองชนิดนี้ไม่ค่อยพบในปัจจุบัน แต่มักพบอาการผิดปกติเนื่องจากอัตราส่วนที่ไม่สมดุลมากกว่าในแมวแม่ลูกอ่อนอาจจะเกิดอาการไข้น้ำนม เนื่องจากมีระดับแคลเซี่ยมต่ำ แต่พบได้น้อยมาก

แมกนีเซียม

ไม่ค่อยพบอาการขาดแมกนีเซียม ตรงกันข้ามหากมีมากเกินไปจะทำให้มี ความเสี่ยงที่จะเกิดอาการเป็นนิ่ว ซึ่งเป็นโรคที่สำคัญมากในแมว

สังกะสี

หากขาดแร่ธาตุตัวนี้ จะเกิดอาการอักเสบที่ผิวหนัง ขนร่วงเป็นหย่อม ๆ ผิวหนังเป็น สีน้ำตาล มีสะเก็ดแข็งหุ้ม เมื่อให้อาหารเสริมที่มีสังกะสี อาการเหล่านี้จะหายไปอย่างรวดเร็ว

Thanaki: เวบ Storysiam พยายามคัดสรรบทความที่เป็นประโยชน์ รีวิวสินค้าต่างๆ มาลงในเวบ เพื่อเป็นข้อมูลในการสืบค้น หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะครับ